ทองย้อย แสงสินชัย

วิธีเก็บบุญใส่ย่ามของผม

-------------------------

เมื่อวาน (๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕) ผมโพสต์เรื่อง “ถ้ารู้วิธีทำบุญ ก็จะได้วิธีเก็บบุญ” วันนี้จะขออนุญาตเล่าถึงวิธีเก็บบุญของผม

......................

(๑) ทานมัย-ทำบุญให้ทาน อันดับแรก บอกเสียเลยว่าผมไม่ได้ใส่บาตรเป็นประจำดังที่ญาติมิตรทั่วไปนิยมทำ เหตุที่ผมไม่ใส่บาตรก็ขอให้ดูจากภาพประกอบ

ภาพนี้ไม่ได้เอามาจากกูเกิ้ลนะครับ แต่ผมถ่ายเองตอนเช้าเวลาไปเดินออกกำลัง ถ่ายไว้หลายเดือนแล้ว ถ้าประจวบกับเวลาที่พระท่านกลับจากบิณฑบาตก็จะเห็นภาพแบบนี้ทุกวัน เมื่อวานนี้ก็ยังเห็นภาพแบบนี้อยู่ นี่เป็นผลการบิณฑบาตของพระรูปเดียวเท่านั้น

สมัยผมเป็นสามเณรอยู่บ้านนอก (๒๕๐๔-๒๕๐๕) ไปบิณฑบาตได้แต่ข้าวเป็นหลัก กับข้าวมีน้อยอย่างยิ่ง สมัยนั้นถุงพลาสติกยังไม่ระบาด หิ้วปิ่นโตไปด้วย บางวันหิ้วปิ่นโตเปล่ากลับวัด มาอยู่วัดมหาธาตุ ราชบุรี (๒๕๐๖-๒๕๑๖) เป็นวัดในเมือง ก็ยังได้ข้าวเป็นหลัก สรุปว่าสมัยนั้นอาหารบิณฑบาตปานกลาง ค่อนไปข้างฝืดเคือง

แต่สมัยนี้ล้นเหลือแล้ว ผมจึงเลี่ยงไปเก็บบุญข้อ “ทานมัย” ใส่ย่ามด้วยวิธีอื่น คือใช้วิธีเอาสตางค์ใส่ตู้บริจาคแทน วิธีการคือวันไหนจะไปเดินออกกำลังทิศทางไหน ผมก็จะวางแผนว่าแถบนั้นวัดไหนอยู่ใกล้ โฉบเข้าไปในวัดนั้น ไหว้พระด้วย ใส่ตู้บริจาคด้วย ได้บุญ ๒ ข้อ คือทานมัยกับอปจายนมัย

๒ ข้อนี้ถ้าไม่มีกิจอื่นแทรกซ้อน ทำได้ทุกวัน วันไหนขัดข้อง ผมจะใช้วิธี “ตกเบิก” คือวันต่อไปทำเป็น ๒ เท่า

นึกถึงวันที่กองทัพเรือจัดพิธีเกษียณอายุราชการที่หอประชุมกองทัพเรือ พรรคพวกที่เกษียณปีเดียวกันถามผมว่าได้บำนาญเท่าไร พอบอกตัวเลข เพื่อนเฮกันลั่นหอประชุม

“มหาไปมัวทำอะไรอยู่ ทำไมมันน้อยยังงี้ จะพอกินเรอะ”

ผมตอบเพื่อนๆ ไปว่า ไม่ใช่พอกินอย่างเดียวโว้ย แต่พอทำบุญด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ผมทำได้จริง ผมเป็นเจ้าภาพร่วมทอดกฐินใหญ่ ๒ ครั้ง บริจาคตัวเลข ๖ หลักทั้ง ๒ ครั้ง บริจาคเป็นเงินบริวารกฐินร่วมกับเจ้าภาพอื่นๆ ทำทุกปี ใส่ตู้บริจาคทำทุกวัน นี่คือบุญทานมัย

(๒) สีลมัย-ทำบุญถือศีล ผมสบายอยู่แล้ว ถือศีลมาตั้งแต่บวชเป็นสามเณร (๒๕๐๔) จนลาสิกขา (๒๕๑๗) ก็ถือศีล ๕ เรื่อยมา ยิ่งไปเป็นอนุศาสนาจารย์ในกองทัพเรือเข้าด้วย เป็นข้อบังคับเลย ไม่ใช่ถือเฉพาะวันพระ แต่ถือทุกวันตลอดชีวิต วันพระถืออุโสถศีลเพิ่มขึ้น (ราวๆ ๒๕๒๐) ต่อมา (ราวๆ ๒๕๔๙) ถืออุโบสถศีลวันโกนและหลังวันพระด้วย รวมเป็นสัปดาห์ละ ๓ วัน จนถึงทุกวันนี้

(๓) ภาวนามัย-ทำบุญภาวนา ผมเคยเข้า “ปฏิบัติธรรม” ตามรูปแบบ (แต่งชุดขาว นั่งตัวตรง ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย หลับตาเบาๆ ฯลฯ) ในสำนักต่างๆ หลายครั้ง โชคดีที่ผมเรียนบาลีมีโอกาสศึกษาทฤษฎีภาวนาได้กว้างขึ้น ได้ข้อยุติสำหรับตัวเองว่า ผมไม่ถนัดทางสมถะ แต่ทำได้ง่ายทางเจริญสติ จนตั้งสูตรว่าวิธีภาวนาของผมคือ “เอาใจไว้กับตัว”

ขีดเส้นตรง ๒ เส้น เป็นเส้นจิตเส้นหนึ่ง เส้นสติเส้นหนึ่ง
พยายามให้เส้นสติทับลงไปบนเส้นจิตให้ได้ยาวที่สุดเท่าที่จะยาวได้
ใหม่ๆ ก็กะพร่องกะแพร่งแหว่งๆ วิ่นๆ ฝึกไปนานๆ ก็ค่อยดีขึ้น สติทับจิตได้มากขึ้น

จากโกรธง่ายหายช้า ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโกรธยากหายเร็ว
จากเป็นคนขี้เหนียว ก็ควักกระเป๋าบริจาคง่ายขึ้น
ยังมีโลภโกรธหลงเหมือนเดิมครับ
แต่รู้ทันจิตของตัวเองได้ดีขึ้น

(๔) อปจายนมัย-ทำบุญไหว้พระ ข้อนี้เป็นของชอบอยู่แล้ว เดินออกกำลังตอนเช้า เจอพระเดินบิณฑบาต ผมยกมือน้อมไหว้ตลอดทาง เดินไปไหนมาไหน มีพระสวนทางมา ผมหยุดเดิน ยืนประนมมือสงบสำรวม น้อมไหว้เมื่อท่านมาถึง รอจนท่านผ่านไปแล้วจึงออกเดินต่อ ขับรถหรือนั่งรถไปไหน ผ่านวัด ผมยกมือไหว้ทุกวัด เห็นพระเดินอยู่ข้างถนน ผมก็ยกมือไหว้ นี่คือวิธีเก็บบุญ “อปจายนมัย” ของผม

(๕) เวยยาวัจจมัย-ทำบุญช่วยงานหรือบำเพ็ญประโยชน์ นี่ก็ทำได้เสมอๆ ปิดไฟ-ปิดน้ำในวัด ทำอยู่เป็นประจำ คนขับรถเครื่องลืมเอาขาตั้งขึ้น ส่งสัญญาณบอก นี่ก็ได้ทำอยู่เสมอ ขยะหรือเศษสิ่งของตกอยู่ข้างทาง หยุดเก็บ แต่กรณีนี้ผมระวังมาก เกิดอะไรขึ้น คนสมัยนี้จะถล่มทันที - “แก่แล้วไม่เจียมบอดี้ ไม่ใช่หน้าที่ของตัวสักหน่อย” - เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ชัวร์ผมก็ผ่านไปเฉยๆ

(๖) ปัตติทานมัย-ทำบุญแบ่งบุญ ข้อนี้ทำเป็นประจำ ทุกครั้งที่ทำบุญอะไร แบ่งให้ทันทีเดี๋ยวนั้น แล้วทุกคืนสวดมนต์ก่อนนอนแบ่งส่วนบุญเป็นส่วนรวมอีกรอบหนึ่ง เริ่มตั้งแต่ให้บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ ไปจนถึงเทพยาดาอารักษ์ สรรพสัตว์ทั่วท้องจักรวาล ทำทุกวันไม่ขาด

(๗) ปัตตานุโมทนามัย-ทำบุญโมทนา เดินออกกำลังตอนเช้า เจอคนใส่บาตร ถ้าพอพูดได้ผมจะพูดดังๆ ว่า “อนุโมทนาบุญด้วยครับ” ถ้าพูดไม่ได้ ผมจะน้อมนึกอนุโมทนา นี่คือบุญปัตตานุโมทนามัย ทำได้บ่อยๆ

(๘) ธัมมัสสวนมัย-ทำบุญฟังเทศน์หรือศึกษาหาความรู้ทางธรรม นี่ก็ยิ่งสบายมาก ผมอ่านพระไตรปิฎกทุกวัน แต่แปลกมาก ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งรู้สึกว่าที่เรารู้นั้นแค่หางอึ่ง ที่ยังไม่รู้เท่าน้ำในมหาสมุทร เพราะฉะนั้นจึงต้องเรียนกันเรื่อยไป ไม่มีวันจบ

(๙) ธัมมเทสนามัย-ทำบุญให้ธรรม นี่ก็ทำอยู่ทุกวัน เขียน “บาลีวันละคำ” เผยแพร่ทุกวัน มีคำถามวิชาการทางพระศาสนาให้ต้องศึกษาหาคำตอบทุกวัน

เมื่อวันก่อน พระคุณเจ้ารูปหนึ่งถามว่า “เตฺวว” ในคำว่า อญฺญาโกณฺฑญฺโญเตฺวว นามํ อโหสีติ. (ประโยคสุดท้ายของธัมมจักกัปปวัตนสูตร) ศัพท์นี้มายังไง

ผมตอบไปว่า อญฺญาโกณฺฑญฺโญ + อิติ + เอว
พระคุณเจ้าถามอีกว่า แล้วทำตัวยังไง

ผมโมโหเล็กๆ แต่ขำลึกๆ - ทำตัวยังไง-นี่ควรจะเอาไปถามครูบาอาจารย์ประจำสำนักเรียนบาลี ไม่ใช่ถามทางไกลมาที่ทองย้อย แต่ก็ตอบไปด้วยจิตที่เป็นกุศลอย่างยิ่ง ไม่รำคาญ ไม่เบื่อ ทำแล้วมีความสุข

สมัยเป็นครูสอนบาลีสำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี ผมประกาศว่านักเรียนที่ผมสอนถ้าสงสัยข้องใจศัพท์ไหนคำไหนวิธีแปลวิธีสัมพันธ์ตรงไหน ให้ถามได้ทุกเวลาทุกสถานที่ แม้ผมกำลังหลับก็ปลุกขึ้นมาถามได้

วันหนึ่ง ผมจำวัดอยู่ในห้อง มีนักเรียนมาปลุกถามปัญหาบาลีจริงๆ ยังขำลึกอยู่จนทุกวันนี้

(๑๐) ทิฏฐุชุกัมม์-ทำบุญเห็นถูก เห็นอย่างไรเรียกว่าเห็นถูก ในพระไตรปิฎกแสดงความเห็นที่เป็นสัมมาทิฏฐิ-เห็นถูก ไว้ดังนี้ -

......................................................
อตฺถิ ทินฺนํ
ทานที่ให้แล้วมีผล

อตฺถิ ยิฏฺฐํ
การเซ่นสรวงมีผล

อตฺถิ หุตํ
การบูชามีผล

อตฺถิ สุกฏทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก
ผลวิบากของกรรมดีกรรมชั่วมี

อตฺถิ อยํ โลโก
โลกนี้มี

อตฺถิ ปโร โลโก
โลกหน้ามี

อตฺถิ มาตา
มารดามีบุญคุณ

อตฺถิ ปิตา
บิดามีบุญคุณ

อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา
สัตว์ประเภทโอปปาติกะ* มีจริง
......................................................
*โอปปาติกะ: สัตว์เกิดผุดขึ้น คือ เกิดผุดขึ้นมาและโตเต็มตัวในทันใด ตายก็ไม่ต้องมีเชื้อหรือซากปรากฏ เช่นเทวดาและสัตว์นรก เป็นต้น
......................................................

อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ ฯ
สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นผู้ทำให้แจ้งด้วยความรู้ยิ่งเองแล้วประกาศโลกนี้และโลกหน้า สมณพราหมณ์เช่นนี้มีอยู่จริงในโลก

ที่มา: สาเลยยกสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่ม ๑๒ ข้อ ๔๘๕
......................................................

ผมโชคดีที่ชีวิตเบื้องต้นเริ่มต้นที่วัด ความคิดความเชื่อจึงถูกกล่อมเกลาให้อยู่ในร่องในรอยมาแต่ต้น เมื่อมีโอกาสศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมก็ยิ่งเห็นชัดและเชื่อมั่นตามที่ท่านสอนไว้นี้

บุญข้อทิฏฐุชุกัมม์-ทำบุญเห็นถูกนี้ ทำยากมาก คนรุ่นใหม่หรือคนที่ไม่ได้ศึกษาให้เห็นประจักษ์มักจะเห็นว่า ความเห็นความเชื่อดังที่ท่านแสดงไว้นั้นเป็นเรื่องงมงาย และย้ำยืนยันว่าที่เขาเห็นเช่นนั้น (คือที่เขาว่าเป็นเรื่องงมงายนั้น) เป็นความเห็นที่ถูกต้อง

เป็นความจริงแท้-ที่ท่านว่า คนบางคนแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้

......................

ญาติมิตรที่อ่านเรื่องนี้อย่าเพิ่งสงสัยนะครับว่า ผมนึกขลังอะไรจึงเอาเรื่องตัวเองมาบอกเล่าเป็นตุเป็นตะ เรื่องก็คือ เรื่องที่แล้วอาจมีคนนึกว่า-บุญตั้ง ๑๐ ข้อทำไม่ได้หรอก คนเราไม่เหมือนกัน จะมาเกณฑ์ให้คนอื่นทำได้เหมือนตัวเองน่ะไม่ได้หรอก

ผมก็เพียงแต่จะพยายามบอกว่า ผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง คนอื่นๆ ก็เป็นคนธรรมดา ถ้าคนธรรมดาคนหนึ่งทำได้ คนธรรมดาอื่นๆ ก็ย่อมทำได้เหมือนกัน-ถ้าตั้งใจทำ

ญาติมิตรท่านใดเกิดแรงบันดาลใจจากเรื่องที่บอกเล่ามานี้ แล้วมีอุตสาหะในการทำบุญ และลงมือทำ ผมขออนุโมทนาสาธุครับ
------------------------
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕
๑๔:๕๖ ดูน้อยลง
[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.