ทองย้อย แสงสินชัย
#บาลีวันละคำ (3,835)
ทำกัปปิยะ
คือทำอะไร
อ่านว่า ทำ-กับ-ปิ-ยะ
ประกอบด้วยคำว่า ทำ + กัปปิยะ
(๑) “ทำ”
เป็นคำไทยที่เราเข้าใจกันดีอยู่แล้ว แต่ขอยกพจนานุกรมมาทบทวนความรู้กันดังนี้
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า -
..............
ทำ (คำกริยา) :
(1) กระทํา, ประกอบขึ้น, ผลิตขึ้น, สร้างขึ้น, ก่อขึ้น, เช่น ทําเก้าอี้ ทําโต๊ะ ทํารองเท้า ทํารัง;
(2) ประกอบการงาน เช่น ทํานา ทําสวน ทําโป๊ะ;
(3) ดําเนินการ, ปฏิบัติงาน, เช่น ทําหน้าที่ประธาน ทําตามคําสั่ง ทําตามกฎหมาย;
(4) แต่งให้งาม เช่น ทําผม ทํานัยน์ตา ทําจมูก;
(5) คิดและปฏิบัติไปตามกฎเกณฑ์ที่กําหนดไว้ เช่น ทําเลข ทําการฝีมือ, ประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับการนั้น ๆ เช่น ทําวัตร ทําศพ;
(6) แสดง เช่น ทําเบ่ง;
(7) (ภาษาปาก) ศึกษาในระดับปริญญา เช่น ทําปริญญา ทําดอกเตอร์.”
..............
(๒) “กัปปิยะ”
เขียนแบบบาลีเป็น “กปฺปิย” อ่านว่า กับ-ปิ-ยะ ประกอบขึ้นจาก กปฺป + อิย ปัจจัย
(1) กปฺป รากศัพท์มาจาก กปฺปฺ (ธาตุ = กำหนด) + อ (อะ) ปัจจัย
: กปฺปฺ + อ = กปฺป แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะอันเขากำหนดขึ้น”
(2) กปฺป + อิย = กปฺปิย มีความหมายว่า เหมาะสม, สมควร, ถูกต้อง, เหมาะเจาะ (fitting, suitable, proper)
“กปฺปิย” เขียนแบบไทยเป็น “กัปปิย-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) และ “กัปปิยะ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า -
“กัปปิย-, กัปปิยะ : (คำวิเศษณ์) สมควร. (ป.).”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกความหมายของ “กัปปิยะ” ไว้ว่า -
..............
กัปปิยะ : สมควร, ควรแก่สมณะที่จะบริโภค, ของที่สมควรแก่ภิกษุบริโภคใช้สอย คือพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ภิกษุใช้หรือฉันได้ เช่น ข้าวสุก จีวร ร่ม ยาแดง เป็นกัปปิยะ แต่สุรา เสื้อ กางเกง หมวก น้ำอบ ไม่เป็นกัปปิยะ สิ่งที่ไม่เป็นกัปปิยะ เรียกว่า อกัปปิยะ
..............
ทำ + กัปปิยะ = ทำกัปปิยะ แปลว่า “ทำให้สมควร” “ทำให้เหมาะสม”
คำว่า “ทำกัปปิยะ” เป็นภาษาพระวินัย พูดกันในหมู่ภิกษุ เช่นในกรณีที่จะฉันผลไม้บางชนิดที่ยังไม่พร้อมที่จะฉันได้ ก็พูดว่า “เอาไปทำกัปปิยะเสียก่อน” ดังนี้เป็นต้น
ขยายความ :
เรื่องนี้มาจากสิกขาบท (คือศีล) ของภิกษุในหมวดที่ว่าด้วยอาบัติปาจิตตีย์ 92 สิกขาบท สิกขาบทที่ 1 ในภูตคามวรรค มีเรื่องอันเป็นต้นเหตุว่า ภิกษุรูปหนึ่งตัดต้นไม้ ชาวบ้านติเตียน พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติสิกขาบทว่า -
..............
ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ.
ภิกษุพรากของเขียวซึ่งเกิดอยู่กับที่ให้หลุดจากที่ ต้องปาจิตตีย์
ที่มา:
- บาลี: วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 2 ข้อ 354
- คำแปล: นวโกวาท หน้า 11
..............
จากสิกขาบทนี้ ทำให้เกิดปัญหาว่า ภิกษุฉันผลไม้หรือพืชผักบางชนิดอันเป็นส่วนหนึ่งของ “ของเขียว” คือต้นไม้หรือพืช จะถือว่าเป็นความผิดฐาน “พรากของเขียว” ตามสิกขาบทนี้หรือไม่
ปัญหานี้เป็นเหตุให้พระพุทธองค์มีพุทธานุญาตไว้ว่า -
..............
อนุชานามิ ภิกฺขเว ปญฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภุญฺชิตุํ อคฺคิปริจิตํ สตฺถปริจิตํ นขปริจิตํ อพีชํ นิพฺพฏฺฏพีชญฺเญว ปญฺจมํ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ฉันผลไม้โดยสมณกัปปะ (คือทำให้เป็นของควรแก่สมณะ) 5 อย่าง คือ (1) ผลไม้ที่ลนด้วยไฟ (2) ผลไม้ที่กรีดด้วยศัสตรา (3) ผลไม้ที่จิกด้วยเล็บ (4) ผลไม้ที่ไม่มีเมล็ด (5) ผลไม้ที่ปล้อนเมล็ดออกแล้ว
อนุชานามิ ภิกฺขเว อิเมหิ ปญฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภุญฺชิตุนฺติ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ฉันผลไม้โดยสมณกัปปะ 5 อย่างนี้
ที่มา: วินัยปิฎก จุลวรรคมหา ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 7 ข้อ 25
..............
จากคำว่า “สมณกัปปะ” นี้ ในคำอธิบายสิกขาบทนี้ตอนที่ว่าด้วยเงื่อนไขที่ไม่ต้องอาบัติ (คือไม่นับว่าเป็นความคิด) ท่านจึงบอกไว้ว่า -
..............
อิมํ กปฺปิยํ กโรหีติ ภณติ
ภิกษุบอกว่า ท่านจงทำพืชนี้ให้เป็นกัปปิยะ
(เมื่อมีผู้ทำให้เป็นกัปปิยะแล้วก็ฉันได้ ไม่เป็นอาบัติฐานพรากของเขียว)
ที่มา: วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 2 ข้อ 357
..............
คำบาลีว่า “กปฺปิยํ กโรหิ” แปลว่า “ทำให้เป็นกัปปิยะ” พูดลัดตัดคำว่า “ทำกัปปิยะ” หมายถึง ทำให้ผลไม้หรือพืชผักที่นำมาถวายพระอยู่ในสภาพที่พร้อมจะฉันได้ โดยพระไม่ต้องปอกหรือผ่าด้วยตนเอง เป็นการตัดปัญหาเรื่อง “พรากของเขียว” ได้เด็ดขาด
..............
ดูก่อนภราดา!
: เรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญ
: แต่จงเสียเวลากับมันให้น้อยที่สุด
[full-post]
แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ