คำแนะนำเมื่อโพสต์เรื่องจากคัมภีร์
---------------------------------
ญาติมิตรที่มีจิตศรัทธายกเอาเรื่องราวจากคัมภีร์พระไตรปิฎกมาโพสต์ จะคัดลอกข้อความจากต้นฉบับมาโดยตรง หรือเก็บความมาเล่าด้วยสำนวนของตนเองก็ตาม ผมมีข้อแนะนำดังนี้
๑ อ่านเรื่องจากต้นฉบับให้ละเอียดและแน่ใจว่าเข้าใจเรื่องอย่างถูกต้อง ถ้อยคำภาษาไม่ผิดพลาดขาดเกิน
๒ ถ้ารู้บาลี กรุณาตรวจสอบกับต้นฉบับบาลีให้ถี่ถ้วน ให้แน่ใจว่าแปลมาถูกต้องตามต้นฉบับบาลี
๓ ถ้าไม่รู้บาลี กรุณาตรวจสอบคำแปลกับฉบับอื่นๆ ว่าแปลต่างกันหรือตรงกัน เช่น ฉบับมหามกุฎฯ ว่าอย่างนี้ ฉบับมหาจุฬาฯ ว่าอย่างไร ฉบับอื่นๆ อีกว่าอย่างไร
กรุณาหลีกเลี่ยงข้ออ้างที่ว่า “ก็เขาพิมพ์มาอย่างนี้ ฉันก็ลอกมาอย่างนี้” ถ้าจะอ้างอย่างนี้ควรสอบถามไปยังเจ้าของต้นฉบับที่เป็น original ก่อน เดี๋ยวจะกลายเป็นว่า-ฉันก็ไม่รู้ ฉันเองก็ลอกมาอีกทีหนึ่งเหมือนกัน
๔ อีกวิธีหนึ่ง-ถ้าไม่รู้บาลี จงสอบถาม หารือ ปรึกษา เรียนรู้กับผู้รู้บาลีก่อน จนแน่ใจว่าถูกต้องจึงนำเรื่องนั้นไปโพสต์เผยแพร่
ผู้รู้บาลีในเมืองไทยมีอยู่ทั่วไป ถ้าหาไม่ได้ ก็จงโวยวายขึ้นมาให้เป็นประเด็น -
.....................................................
ไหนว่าส่งเสริมการเรียนบาลีกันดีนัก
นี่ฉันกำลังต้องการผู้รู้บาลี
ทำไมจึงหาไม่ได้
ไปไหนกันหมด
.....................................................
ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะได้รู้สึกตัว
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว
เรื่องในคัมภีร์เป็นดังนี้ -
.....................................................
เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว ปุริโส เอกจฺฉิคฺคฬํ ยุคํ มหาสมุทฺเท ปกฺขิเปยฺย ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษโยนทุ่นมีบ่วงตาเดียวไปในมหาสมุทร
ตเมนํ ปุรตฺถิโม วาโต ปจฺฉิเมน สํหเรยฺย
ทุ่นนั้นถูกลมตะวันออกพัดไปทางทิศตะวันตก
ปจฺฉิโม วาโต ปุรตฺถิเมน สํหเรยฺย
ถูกลมตะวันตกพัดไปทางทิศตะวันออก
อุตฺตโร วาโต ทกฺขิเณน สํหเรยฺย
ถูกลมเหนือพัดไปทางทิศใต้
ทกฺขิโณ วาโต อุตฺตเรน สํหเรยฺย ฯ
ถูกลมใต้พัดไปทางทิศเหนือ
ตตฺราสฺส กาโณ กจฺฉโป
มีเต่าตาบอดอยู่ในมหาสมุทรนั้น
โส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน สกึ อุมฺมุชฺเชยฺย ฯ
ล่วงไปร้อยปีจึงจะผุดขึ้นครั้งหนึ่ง
ตํ กึ มญฺญถ ภิกฺขเว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
อปิ นุ โส กาโณ กจฺฉโป อมุสฺมึ เอกจฺฉิคฺคเฬ ยุเค คีวํ ปเวเสยฺยาติ ฯ
เต่าตาบอดตัวนั้นจะพึงเอาคอสวมเข้าที่ทุ่นมีบ่วงตาเดียวโน้นได้บ้างไหมหนอ
โน เหตํ ภนฺเต
ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ข้อนั้นเป็นไปไม่ได้เลยพระพุทธเจ้าข้า
ยทิ นูน ภนฺเต กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยนาติ ฯ
ข้าแต่พระองค์เจริญ ถ้าจะเป็นไปได้บ้างในบางครั้งบางคราวก็โดยล่วงระยะกาลนานแน่นอน
ที่มา: พาลปัณฑิตสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่ม ๑๔ ข้อ ๔๘๑
.....................................................
มีผู้นำเรื่องนี้ไปเล่าต่อ ท่านเล่าว่า มีชายคนหนึ่งโยนห่วงลงไปในทะเลเพื่อจะให้ห่วงสวมไปที่คอเต่าตาบอด เป็นไปได้ยากอย่างยิ่งที่จะโยนห่วงให้สวมคอเต่าได้พอดี
.....................................................
ตามเรื่องในคัมภีร์ ท่านพูดถึงเต่าตาบอดในทะเล ร้อยปีโผล่ขึ้นมาทีหนึ่ง ยากที่จะเอาคอสวมห่วงที่ลอยเคว้งคว้างได้พอดี
ไม่ได้พูดถึงคนโยนห่วงเพื่อจะให้ไปสวมคอเตา
.....................................................
จะเห็นได้ว่า การนำเรื่องจากคัมภีร์มาเผยแพร่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ควรเห็นเป็นเรื่องง่ายๆ ถ้าไม่รอบคอบจะกลายเป็นช่วยกันทำให้วิปริตผิดพลาดคลาดเคลื่อน เป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ
...........................
คนเก่าท่านเล่าไว้เป็นข้อเตือนสติว่า ตำรายาไทยขนานหนึ่ง ต้นตำรับบอกว่า เวลากินให้ปั้นเป็นลูกกลอน (ลูกกลอน = เม็ดยาเปียก ๆ ที่ปั้นเป็นก้อนกลมเพื่อกลืนกิน) ขนาดเท่าเม็ดนุ่น
คัดลอกบอกต่อสืบๆ กันมาจนถึงฉบับล่าสุดบอกว่า เวลากินให้ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดขนุน!
นี่คือโทษของการไม่ศึกษาตรวจสอบให้รอบคอบถี่ถ้วน
โปรดอย่าทำให้เรื่องในคัมภีร์คือหลักพระธรรมวินัยเป็นเหมือนตำรายาที่ว่านี้
--------------------
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๕ ตุลาคม ๒๕๖๖
๑๐:๕๕
[full-post]
แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ