ศึกษาเรื่องเดิม : เริ่มที่งานศพ (๑)

---------------------------------

ภัยที่กำลังคุกคามสังคมไทยอยู่ในเวลานี้ คือคนไทยไม่ศึกษาเรื่องเดิม

จะทำอะไร มองแค่ที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน เรื่องเดิมเขาทำกันมาอย่างไร ไม่ศึกษา ไม่เรียนรู้ ไม่รับรู้

หลายๆ อย่าง ไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงทำกันใหม่ โดยที่ไม่รู้ว่าของเดิมเขาทำอย่างไรและทำไมทำอย่างนั้น

เรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ เป็นความพยายามที่จะชวนให้คนไทยศึกษาเรื่องเดิม เพื่อที่ว่า-เมื่อทำอะไรหรือจะไม่ทำอะไร จะได้ทำหรือไม่ทำด้วยความรู้ ความเข้าใจ และด้วยความมั่นใจ

ขอเริ่มที่งานศพก่อน

..................

ธรรมเนียมเดิมของคนไทย เมื่อรู้ว่าใครตายก็จะไปเยี่ยมศพ ไปปลอบใจญาติ ไม่ต้องบอก ไม่ต้องเชิญ ใครรู้ ไปเอง ไปด้วยน้ำจิตน้ำใจแท้ๆ

ผู้ชายจะไปช่วยดูแลสถานที่ บ้านหลังคารั่ว นอกชานโย้เย้ กระดานผุ บันไดหัก ฯลฯ ไปช่วยกันซ่อมทำเพื่อรองรับผู้คนที่จะมาช่วยงาน เจ้าของบ้านไม่ต้องออกปาก ช่วยกันทำด้วยน้ำใจ

ผู้หญิงจะไปช่วยงานครัว มีของเครื่องครัวอะไรที่จะเอาไปช่วยกันได้ก็จะเอาไป เอาของไปด้วย ช่วยหุงหาเลี้ยงแขกด้วย อยู่เป็นเพื่อนเจ้าภาพด้วยในตัว

ทั้งหมดนี้ทำด้วยน้ำใจ ไม่มีใครคิดราคาออกมาเป็นเงินทอง เพราะนี่เป็นโอกาสวิเศษที่สุดที่เพื่อนมนุษย์จะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามทุกข์โศก

เพราะฉะนั้น รู้เห็นว่าใครตาย ไปเยี่ยมศพได้ไปเลยครับ ไม่ต้องรอให้ใครเชิญ รู้จักหรือไม่รู้จักไม่ต้องคำนึง รู้ว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน-แค่นี้พอแล้ว คนเก่าท่านประพฤติเป็นแบบอย่างกันมาแล้ว

..................

สวดพระอภิธรรมทำไมต้องเป็นพระ ๔ รูป?

พระ ๔ รูปเป็นจำนวนต่ำสุด ครบองค์สงฆ์ น้อยกว่านี้ไม่เป็นองค์สงฆ์ มากกว่านี้จะมีปัญหาเรื่องการรับรองดูแลซึ่งจะต้องทำให้เหมาะสม งานกำลังเข้า จะดูแลลำบาก เพราะฉะนั้น ๔ รูปเหมาะที่สุด 

..................

สวดพระอภิธรรม ทำไมต้องตั้งตู้พระอภิธรรม? 

พระอภิธรรมเป็นธรรมระดับสูงสุด ต้องแม่นยำ หลักประกันที่ดีที่สุดคือสวดจากคัมภีร์ จึงเอาคัมภีร์ไปตั้งไว้ด้วย ทั้งเพื่อที่ว่า-พระรูปไหนเผอิญว่ายังสวดไม่คล่อง ก็จะได้อาศัยดูคัมภีร์ไปด้วย

ธรรมเนียมพระสงฆ์นั่งเสลี่ยงอ่านพระธรรมนำศพเจ้านายที่ยังปฏิบัติกันอยู่ก็มาจากเหตุผลเดียวกัน

ดังนั้น 

.........................................................

(๑) ตู้พระธรรมจึงต้องตั้งตรงหน้าพระสงฆ์ 

(๒) ต้องเอาหนังสือพระอภิธรรมออกมาวางบนตู้ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สามารถอ่านได้ถนัด และ -

(๓) ต้องเปิดหนังสือในลักษณะที่พร้อมอ่าน

.........................................................

ธรรมเนียมเดิมปฏิบัติดังที่ว่านี้ทั้งนั้น

คนรุ่นใหม่ไม่ศึกษาธรรมเนียมเดิม ไม่รู้ธรรมเนียมเดิม อุตริตั้งตู้พระอภิธรรมระหว่างโต๊ะหมู่บูชากับพระสงฆ์ แล้วอธิบายว่าเป็นการตั้งตามหลักพระรัตนตรัย คือ -

เริ่มจากพระพุทธที่โต๊ะหมู่บูชา

ต่อมาเป็นพระธรรม คือตู้พระอภิธรรม

ถัดไปเป็นพระสงฆ์ คือพระที่สวดพระอภิธรรม

ครบพระรัตนตรัย-พระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์

เป็นคำอธิบายที่เพี้ยนครับ

การจัดสถานที่สวดพระอภิธรรมที่ปฏิบัติกันมา ไม่มีตำราที่ไหนบอกว่าให้จัดตามหลักพระรัตนตรัยแบบนั้น

พระรัตนตรัยมีครบบริบูรณ์แล้วที่โต๊ะหมู่บูชา

ธูป บูชาพระพุทธ

เทียน บูชาพระธรรม

ดอกไม้ บูชาพระสงฆ์

โดยมีพระพุทธปฏิมาเป็นประธาน

ไม่ต้องแยกเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ตรงไหนอีกแล้ว

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลที่แถมเข้ามา แต่น่าจะเป็นเจตนาที่แท้จริง นั่นคืออ้างว่า ตั้งตู้พระอภิธรรมตรงหน้าพระ พอสวดจบ จะทอดผ้าและถวายเครื่องไทยธรรมก็จะต้องยกตู้พระอภิธรรมออก เป็นการยุ่งยาก เสียเวลาและดูไม่เรียบร้อย ตั้งตู้พระอภิธรรมเยื้องไปทางโต๊ะหมู่บูชาดูเรียบร้อยดีกว่า ไม่ต้องยกเข้ายกออก

เป็นคำอธิบายที่เกิดจากความขี้เกียจโดยแท้

เพราะไม่ศึกษาเรียนรู้เรื่องเดิม วิธีที่คิดอ่านทำขึ้นใหม่ก็ไปทำลายหลักเดิมลงหมดสิ้น

เวลานี้มีวัดที่ตั้งตู้พระอภิธรรมแบบอุตริอยู่ทั่วไป เพราะเอาอย่างกัน

เอาอย่างกันผิดๆ ทำได้

ศึกษาเรื่องเดิมให้เข้าใจ ทำไม่ได้

ทำไมเป็นอย่างนั้น

คิดหาวิธียกย้ายตู้พระธรรมอย่างง่าย อย่างสะดวก

ดีกว่าใช้วิธีอุตริ-ย้ายที่ตั้งตู้พระธรรม

ภูษาโยงของเดิมเวลาม้วนเก็บต้องใช้มือม้วนหรือพับ

เวลานี้มีคนคิดเครื่องม้วนภูษาโยง กดปุ่มทีเดียว ม้วนพรืดเดียว เสร็จ-นึกออกไหมครับ

ช่วยกันคิดหาวิธียกย้ายตู้พระอภิธรรมแบบสะดวกดายง่ายปานกันนั่นเลยสิครับ

กราบขอร้องด้วยความเคารพ 

เลิกอุตริ แล้วกลับมาหาหลักเดิมเถอะ

ก็แบบเดียวกับ-ถวายไทยธรรมก่อน ทอดผ้าทีหลัง อ้างว่าพระจะได้จับตาลปัตรทีเดียว ไม่ต้องเดี๋ยวจับเดี๋ยววาง 

นี่ก็ควรเลิกด้วย

ธรรมเนียมเดิม ถวายไทยธรรมเป็นกิจสุดท้าย ไม่มีกิจอื่นอีกนอกจากอนุโมทนา

ถวายไทยธรรมแล้วอนุโมทนา

ไม่ใช่ถวายไทยธรรมแล้วยังจะย้อนไปทอดผ้าอีก

ถ้าเห็นการจับตาลปัตร ๒ ครั้งเป็นเรื่องลำบาก

รักษาพระศาสนาลำบากกว่าตั้งล้านเท่า จะทำไหวหรือ?

..................

ทำไมต้องเอาพระอภิธรรมมาสวดในงานศพ? 

ยังไม่พบคำอธิบายที่แน่นอน ท่านผู้ใดพบว่ามีคำอธิบายที่ชัดเจนเป็นหลักฐานแน่นอนอยู่ที่ไหน โปรดนำมาเผยแพร่ให้ทราบทั่วกัน จะเป็นมหากุศล

ผมสันนิษฐานว่า น่าจะมาจากเรื่องที่พระพุทธองค์ทรงแสดงพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดา จึงถือเป็นคติว่า ถ้าจะสนองคุณมารดาผู้ล่วงลับก็ควรนิมนต์พระมาสวดพระอภิธรรมเฉกเช่นที่พระพุทธองค์ได้ทรงปฏิบัติ 

ที่คิดทำกันในตอนแรกๆ คงเป็นสวดในงานศพแม่ ภายหลังจึงขยายออกไปเป็นงานศพทั่วไป

ข้อสันนิษฐานนี้ ผิดถูกประการใดแล้วแต่จะพิจารณา ถูกก็อนุโมทนา ผิดก็ช่วยกันคิดหาเหตุผลต่อไป

..................

ตอนต่อไป-สวดพระอภิธรรม ทำไมต้องสวด ๔ จบ?

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๖

๑๖:๐๐ 

[full-post]

งานศพ,สวดอภิธรรม

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.