เจ้ากรรมนายเวร (๒)
--------------------
รายละเอียดที่ควรรู้ของ “กรรม” (ต่อ)
ส่วนที่ ๒ หน้าที่ของกรรม
ส่วนนี้ท่านแสดงไว้ดังนี้ -
๑ กรรมบางอย่างทำหน้าที่นำไปเกิด
เช่น -
ทำกรรมเช่นนี้ จึงเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ทำกรรมเช่นนี้ จึงเกิดเป็นมนุษย์
ทำกรรมเช่นนี้ จึงเกิดเป็นเทพ
ทำกรรมเช่นนี้ จึงเกิดเป็นพรหม
ฯลฯ
แม้ที่เกิดเป็นมนุษย์นั่นเองก็ยังแยกย่อยไปอีก -
ทำกรรมเช่นนี้ จึงเกิดเป็นชาย
ทำกรรมเช่นนี้ จึงเกิดเป็นหญิง
ทำกรรมเช่นนี้ จึงรูปสวย
ทำกรรมเช่นนี้ จึงรูปทราม
ทำกรรมเช่นนี้ จึงมีสติปัญญาดี
ทำกรรมเช่นนี้ จึงมีสติปัญญาทราม
ทำกรรมเช่นนี้ จึงเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่ง
ทำกรรมเช่นนี้ จึงเกิดในครอบครัวที่ขัดสน
ฯลฯ
กรรมชนิดนี้เรียกเป็นศัพท์วิชาการว่า “ชนกกรรม” (ชะ-นะ-กะ-กำ) แปลว่า “กรรมนำไปเกิด” หรือ “กรรมแต่งให้เกิด” (productive kamma; reproductive kamma)
๒ กรรมบางอย่างทำหน้าที่สนับสนุน
คำว่า “สนับสนุน” ไม่ได้หมายถึงช่วยส่งเสริมให้ดีงามขึ้น แต่หมายถึงเป็นอะไรอยู่ก็หนุนหรือซ้ำให้เป็นเช่นนั้นมากขึ้น เช่น -
เกิดในครอบครัวที่มั่งคั่ง กรรมชนิดนี้ก็ทำหน้าที่หนุนให้มั่งคั่งยิ่งขึ้น
เกิดในครอบครัวที่ขัดสน กรรมชนิดนี้ก็ทำหน้าที่ซ้ำเติมให้ขัดสนหนักเข้าไปอีก
เป็นคนใจบุญ กรรมชนิดนี้ก็ทำหน้าที่หนุนให้ใจบุญหนักแน่นมั่นคงยิ่งๆ ขึ้นไป
เป็นคนใจบาป กรรมชนิดนี้ก็ทำหน้าที่หนุนให้ใจบาปหยาบช้าสาหัสยิ่งๆ ขึ้น
กรรมชนิดนี้เรียกเป็นศัพท์วิชาการว่า “อุปัตถัมภกกรรม” (อุ-ปัด-ถำ-พะ-กะ-กำ) แปลว่า “กรรมสนับสนุน” (supportive kamma; consolidating kamma)
๓ กรรมบางอย่างทำหน้าที่บั่นทอนหรือบรรเทา
หมายความว่า ชนกกรรมและอุปัตถัมภกกรรมส่งผลให้เป็นเช่นนี้ๆ แต่กรรมชนิดนี้เข้ามาทำหน้าที่ลดผลนั้นให้เบาลงไปเป็นเช่นนั้นๆ เช่น -
เกิดในครอบครัวที่มั่งคั่ง กรรมชนิดนี้ก็ทำหน้าที่บั่นทอนความมั่งคั่งให้น้อยลง ทำให้มั่งคั่งได้ไม่เต็มที่
เกิดในครอบครัวที่ขัดสน กรรมชนิดนี้ก็ทำหน้าที่ลดความขัดสนให้น้อยลง พอให้มีกินมีใช้ขึ้นได้บ้าง
เป็นคนใจบุญ กรรมชนิดนี้ก็ทำหน้าที่เปลี่ยนแปรให้ใจบุญน้อยลง พอใจจะทำบาปอยู่บ้าง
เป็นคนใจบาป กรรมชนิดนี้ก็ทำหน้าที่ลดความใจบาปให้น้อยลง พอใจจะทำบุญอยู่บ้าง
พูดให้เห็นภาพ ก็เหมือนกับว่า -
ควรจะถึงตาย ก็เอาแค่บาดเจ็บ
ควรจะแค่บาดเจ็บเล็กน้อย ก็เอาถึงปางตาย
นี่คือหน้าที่ของกรรมชนิดนี้
กรรมชนิดนี้เรียกเป็นศัพท์วิชาการว่า “อุปปีฬกกรรม” (อุ-ปะ-ปี-ละ-กะ-กำ) เคยได้ยินคนเก่าแปลว่า “กรรมเบียน” คือกรรมที่มาเบียดเบียนผลของกรรมเดิม (obstructive kamma; frustrating kamma)
๔ กรรมบางอย่างทำหน้าที่ตัดรอนหักล้างผลของกรรมเดิม
กรรมในข้อก่อน (อุปปีฬกกรรม) ทำเพียงแค่เบี่ยงเบนหรือลดทอนผลของกรรมเดิม แต่กรรมชนิดนี้ทำถึงขั้นหักล้างผลของกรรมเดิมเลยทีเดียว เชน -
เกิดในตระกูลสูง มั่งคั่ง แต่อายุสั้น ตัดโอกาสที่จะได้เสวยสุข
เกิดในครอบครัวที่ขัดสน แต่ได้ทรัพย์มาอย่างปัจจุบันทันด่วน กลายเป็นคนมั่งคั่งขึ้น
สุขภาพดีมาตลอด แต่ไปประสบเหตุทำให้สุขภาพทรุดลงไปฉับพลัน กลายเป็นสามวันดีสี่วันไข้
เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด แต่สบเหมาะ ไปได้ยาดีหรือวิธีรักษาที่ถูกกับโรค ทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นมาอย่างพลิกความคาดหมาย
อย่างนี้เป็นต้น
กรรมชนิดนี้เรียกเป็นศัพท์วิชาการว่า “อุปฆาตกกรรม” (อุ-ปะ-คา-ตะ-กะ-กำ) แปลว่า “กรรมตัดรอน” จะเข้าใจว่า “กรรมพลิกกรรม” ดังนี้ก็น่าจะได้ ดังสำนวนไทยว่าพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ (destructive kamma; supplanting kamma)
หมายเหตุ: ภาษาอังกฤษในวงเล็บ จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [338]
(ยังมีต่อ)
-------------------------------
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๖ กันยายน ๒๕๖๕
๑๗:๓๔
[right-side]
แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ