บทความชุด “ทำบุญวันพระ” (๓๑)
------------------------------
อนุโมทนา + กรวดน้ำ (๒)
------------------------------
ถวายภัตตาหารให้เป็นของสงฆ์ (ถวายสังฆทาน) แล้ว
พระสงฆ์อปโลกน์แล้ว
ต่อไปก็ถึงลำดับการอนุโมทนา พร้อมกับที่ชาวบ้านที่มาทำบุญก็กรวดน้ำ
“อนุโมทนา” ที่เข้าใจกันทั่วไปก็คือ พระยะถา-สัพพี คืออนุโมทนาเป็นภาษาบาลี
แต่ยังมีการอนุโมทนาอีกแบบหนึ่งก่อนจะถึงการอนุโมทนาเป็นภาษาบาลี นั่นคืออนุโมทนาเป็นภาษาไทย สาระตรงๆ ก็คือ-พูดธรรมะสั้นๆ ให้โยมฟังก่อนที่จะยะถา-สัพพี
อนุโมทนาแบบนี้ (พูดธรรมะให้โยมฟัง) พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาทำกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล บางโอกาสพระพุทธองค์ทรงอนุโมทนาด้วยพระองค์เอง บางโอกาสทรงมีพุทธฎีกาให้ภิกษุองค์ใดองค์หนึ่งอนุโมทนา
ในวินัยปิฎกบันทึกเรื่องต้นเหตุที่พระสงฆ์จะอนุโมทนาในการฉันภัตตาหารไว้ดังนี้ -
.........................................................
สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายไม่อนุโมทนาในโรงฉัน คนทั้งหลายจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงไม่อนุโมทนาในโรงฉัน
ภิกษุทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้อนุโมทนาในโรงฉัน
ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายคิดว่า ใครหนอพึงอนุโมทนาในโรงฉัน แล้วจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุผู้เถระอนุโมทนาโนโรงฉัน
ที่มา: วัตตขันธกะ วินัยปิฎก จุลวรรค ภาค ๒ พระไตรปิฎกเล่ม ๗ ข้อ ๔๒๐-๔๒๑
.........................................................
สรุปว่า ตั้งแต่ครั้งนั้นมา เวลามีผู้นิมนต์ไปฉันที่ไหน เมื่อฉันเสร็จพระสงฆ์-โดย “ภิกษุผู้เถระ” คือภิกษุที่อาวุโสที่สุดในที่นั้น-ก็จะอนุโมทนาคือแสดงธรรมให้เจ้าภาพฟัง
..................
ใครที่เรียนบาลีคงจะจำพระจูฬปันถกได้ - พี่น้อง ๒ คน คนพี่ชื่อมหาปันถก คนน้องชื่อจูฬปันถก บวชในพระพุทธศาสนา พระจูฬปันถกพอบวชแล้วก็เกิดอาการความจำเสื่อม ท่องไม่จำ เรียนธรรมไม่รู้เรื่อง จนพระพี่ชายไล่ตะเพิด พระพุทธเจ้าทรงหาวิธีสอนจนพระจูฬปันถกสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เกิดปฏิสัมภิทาแตกฉานในพระไตรปิฎกขึ้นมาฉันพลัน จากโง่ทึบกลายเป็นฉลาดสุดอย่างไม่น่าเชื่อ
วันที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ หมอชีวกนิมนต์พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานไปฉันที่บ้าน เมื่อพระสงฆ์ฉันเสร็จ มีพุทธฎีกาให้พระจูฬปันถกอนุโมทนา
ความตอนนี้คัมภีร์บันทึกไว้ว่า -
.........................................................
เถโร สีหนาทํ นทนฺโต ตรุณสีโห วิย ตีณิ ปิฏกานิ สงฺโขเภตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ.
พระธัมมปทัฏฐกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยแปลไว้ว่า -
พระเถระบันลือสีหนาทดุจสีหะที่ขึ้นรุ่น (กำลังคะนอง) ได้ทำอนุโมทนายังพระไตรปิฎกให้กระฉ่อนแล้ว
ที่มา: จูฬปนฺถกตฺเถรวตฺถุ ธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒
.........................................................
เป็นอันว่า “อนุโมทนา” อันเนื่องด้วยภัตตาหาร ของเดิมคือการแสดงธรรมให้เจ้าภาพญาติโยมฟัง
แต่ที่พระท่านทำกันทุกวันนี้ อนุโมทนาคือสวดยะถา-สัพพี ให้ญาติโยมกรวดน้ำ
บทยะถา-สัพพี และบทอนุโมทนาเป็นภาษาบาลีที่พระท่านสวดอนุโมทนาในทุกวันนี้ หลายบทยกมาจากพระไตรปิฎก บางบทเรียบเรียงตกแต่งขึ้นในภายหลัง
เมื่อทำสืบๆ กันมาจนถึงทุกวันนี้ จากการแสดงธรรม อนุโมทนาก็เพี้ยนไป
พระสงฆ์ที่อนุโมทนาก็ไม่ได้ตั้งเจตนาว่าจะแสดงธรรม
ญาติโยมก็ไม่ได้ตั้งเจตนาว่าจะฟังธรรม
อนุโมทนากลายเป็นพิธีกรรมชนิดหนึ่ง-ทำกันไปตามพิธี
น่าเสียดาย
อย่างไรก็ตาม มีบางวัดที่ถอยไปตั้งหลักที่หลักการเดิม เช่นวัดชลประทานรังสฤษดิ์เป็นต้น มีการกล่าวธรรมะให้ญาติโยมฟังกันจริงๆ เพิ่มเข้าไปในการสวดหรืออนุโมทนา-ไม่ใช่ทำเพียงเป็นพิธีเหมือนที่วัดต่างๆ ทำกันทั่วไป
วัดญาณเวศกวันก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่กล่าวธรรมะให้ญาติโยมฟังหลังจากฉันเสร็จก่อนยะถา-สัพพี อันนี้ประสบมากับตัวเอง
พระวัดญาณเวศกวันออกบิณฑบาต เมื่อญาติโยมใส่บาตรแล้วพระจะกล่าวสุภาษิตสั้นๆ ให้โยมฟัง-แทนที่จะยืนให้พรกันข้างถนนหรือกลางตลาดอย่างที่เราเห็นพระท่านทำกันทั่วไปอยู่ในเวลานี้ อันนี้เป็นคำบอกเล่าของพระวัดญาณเวศกวันหลายปีมาแล้ว ยังไม่ได้ยินมากับตัวเอง
..................
ทำบุญวันพระวัดมหาธาตุราชบุรี พอมาถึงขั้นตอนอนุโมทนา พระเดชพระคุณพระธรรมปัญญาภรณ์ (ไพบูลย์ ชินวํโส ป.ธ.๗) เจ้าอาวาสท่านจะกล่าวเป็นภาษาไทยก่อน เราเรียกกันว่า “สัมโมทนียกถา” (เรียกกันสั้นๆ ว่า “สำโม”) บางวันพระก็เป็นการแสดงหลักธรรม บางวันพระก็เล่าเรื่องหลักการปฏิบัติเก่าๆ ของวัด บางวันพระก็อธิบายสิ่งสำคัญภายในวัดซึ่งมักเป็นประวัติศาสตร์และโบราณคดี และบางวันพระก็เป็นเรื่องเบ็ดเตล็ด (ซึ่งเราแอบเรียกกันว่า “หลวงพ่อบ่น”) เรียกรวมๆ ได้ว่าเป็นการแสดงธรรมให้ญาติโยมฟังก่อนที่จะยะถา-สัพพี
แต่ทั้งนี้ หลวงพ่อท่านก็พูดอยู่รูปเดียว วันพระไหนท่านไม่อยู่ รายการอนุโมทนาเป็นภาษาไทยก็ไม่มี เพราะท่านไม่ได้มอบหมายให้พระรูปอื่นทำ
..................
แนวคิดของผมก็คือ ทำบุญวันพระทุกวัด ควรให้มีอนุโมทนาเป็นภาษาไทยคือพูดธรรมะสั้นๆ ให้ญาติโยมที่มาทำบุญฟังก่อนยะถา-สัพพี
ตามหลักพระวินัยที่อ้างข้างต้นท่านให้ “ภิกษุผู้เถระ” คือภิกษุที่อาวุโสที่สุดในที่นั้นเป็นผู้กล่าว นั่นคือถ้าเจ้าอาวาสลงศาลาด้วย ก็เจ้าอาวาสนั่นเองเป็นผู้กล่าว แต่เจ้าอาวาสก็สามารถมอบหมายให้พระรูปอื่นกล่าวแทนได้
วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ตั้งเวรกัน วันพระไหนเป็นเวรพระรูปไหน พระรูปนั้นก็กล่าว แต่ทั้งนี้จะต้องฝึกสอนอบรมแนะนำกันไว้ก่อน วิธีพูดธรรมะสั้นๆ ให้ญาติโยมฟังพูดอย่างไร พูดแบบไหน ฝึกซ้อมเตรียมตัวไว้ให้พร้อม
วิธีนี้เป็นการฝึกพระให้มีความรู้ความสามารถในการเผยแผ่พระธรรมไปด้วย ญาติโยมก็ได้ฟังธรรมะไปด้วย ชาวบ้านญาติโยมมาทำบุญวันพระก็จะได้ทั้งบุญคือความดี ได้ทั้งกุศลคือความฉลาดในธรรม
แต่ก็-เช่นเคย เรื่องนี้ถ้าเป็นนโยบายของคณะสงฆ์ มีคำสั่งออกมาจากมหาเถรสมาคมให้วัดต่างๆ ปฏิบัติ เรื่องก็ง่าย
จึงขอถวายแนวคิดไว้อีกเรื่องหนึ่ง
“เรื่องนี้สำเร็จในสมัยอาตมาเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม!” - อยากได้ยินพระระดับผู้บริหารท่านพูดประโยคนี้ด้วยความภาคภูมิใจขอรับ
------------------------------------
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
๑๘:๕๗
[right-side]
แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ