บทความชุด “ทำบุญวันพระ” (๒๐)
------------------------------
ถวายสังฆทาน (๒)
------------------------------
อีกแห่งหนึ่งที่เป็นแหล่งตอกย้ำให้คนเข้าใจผิดตกลึกลงไปเรื่อยๆ ว่า สังฆทานคือสิ่งของ สังฆทานคือถังหรือชุดสังฆทาน ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือวัดต่างๆ ที่มีบริการถวายสังฆทานนั่นเอง
นั่นคือ ทุกวัดทุกแห่งที่มีบริการถวายสังฆทาน จะมีถังสังฆทานหรือชุดสังฆทานตั้งไว้บริการ ซึ่งเท่ากับย้ำเตือนว่า-ถวายสังฆทานต้องใช้ชุดสังฆทาน
ญาติโยมคนไหนมีศรัทธาจะถวายสังฆทานก็ไปที่มุมนั้น เอาสตางค์ใส่ตู้ตามราคาชุดสังฆทาน แล้วยกชุดสังฆทานไปทำพิธีถวายพระ เสร็จพิธีก็เป็นอันได้ “ถวายสังฆทาน” เรียบร้อยแล้ว
เข้าใจกันอยู่แค่นี้ และทำกันแบบนี้ทุกแห่งไป
ถังหรือชุดสังฆทานที่ถวายแล้ว ก็มีคนยกเอาไปตั้งที่เดิม รอเวลาให้ผู้มีศรัทธารายต่อไปมาเอาสตางค์ใส่ตู้แล้วยกไปทำพิธีถวายหมุนเวียนอยู่ตรงนั้น
เพราะฉะนั้น “ถวายสังฆทาน” ที่คนไทยทั่วโลกเชื่อกันในเวลานี้ก็คือ เอาถังหรือชุดที่เรียกว่า “สังฆทาน” ไปถวายพระ นั่นแหละคือ “ถวายสังฆทาน” คนไทยส่วนมากรู้แค่นี้ เข้าใจแค่นี้
สังฆทานคือตั้งเจตนาถวายสิ่งของอันสมควรแก่สมณบริโภคให้เป็นของสงฆ์ - ไม่เข้าใจ ไม่รับรู้ ไม่สน
ถังหรือชุดสังฆทานที่ตนถวายนั้นมาจากไหน ถวายแล้วไปไหน - ไม่เข้าใจ ไม่รับรู้ ไม่สน
จึงขอร้องมา ณ ที่นี้ว่า ทำความเข้าใจกันหน่อย รับรู้กันหน่อย สนกันหน่อยนะครับ - ผมกำลังจะบอกต่อไปนี้
.........................................................
๑ สังฆทานไม่ใช่สิ่งของใดๆ ทั้งสิ้น ถวายสังฆทานต้องมีชุดสังฆทาน-เลิกเลอะเทอะกันเสียที
๒ สังฆทานคือการตั้งเจตนาถวายสิ่งของอันสมควรแก่สมณบริโภคให้เป็นของสงฆ์
๓ เอาของไปถวายหลวงพ่อ หลวงลุง ถวายพระมหารูปนั้นรูปโน้นให้เป็นของส่วนตัวของพระรูปนั้น แม้ของนั้นจะเป็นถังสังฆทานชุดสังฆทาน ก็ไม่เป็นสังฆทาน ไม่ใช่สังฆทานแต่ประการใดเลย-โปรดอย่าหลงทาง
๔ เอาของอะไรก็ได้ที่สมควรไปถวายพระ ตั้งเจตนาถวายเป็นของสงฆ์ เป็นสังฆทานทันที
.........................................................
ใครมาขอคำแนะนำเรื่องถวายสังฆทาน ผมจะบอกดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ตั้งเจตนาตั้งอารมณ์ให้ได้ให้ตรงก่อนว่า เราจะถวายอะไรอย่างหนึ่งให้เป็นของส่วนรวมแก่พระ ไม่ใช่ถวายองค์ไหนๆ ให้ท่านเอาไปเป็นของส่วนตัว เริ่มตรงนี้ก่อน จะเป็นสังฆทานหรือไม่เป็นสังฆทานอยู่ที่ตรงนี้
ที่เลอะเทอะอยู่ทุกวันนี้ ก็คือไม่รู้ ไม่คิด ไม่นึกถึงตรงนี้กันเลย
ข้อ ๒ ตั้งจิตเจตนาได้แล้ว ขั้นต่อไปก็-ตบกระเป๋า มีกำลังอยู่เท่าไร มีศรัทธาเท่าไร มีอะไรบ้างอยู่ในมือ ทำบุญถวายทานอย่าให้ตัวเองเดือดร้อน มีไม่พอหรือไม่มี ยังไม่ต้องทำ เอาไว้โอกาสหน้า โอกาสนี้ทำบุญอย่างอื่นไปก่อน บุญ-ทำได้ตั้ง ๑๐ วิธี
ข้อ ๓ ตบกระเป๋าแล้ว มีกำลังพอ ก็ไปเลือกหาซื้อของที่จะถวายด้วยตนเอง ไปหยิบดูทีละชิ้น ดูให้ละเอียด เป็นของดีแค่ไหน เหมาะที่พระท่านจะฉันจะใช้หรือเปล่า เป็นของหมดอายุหรือยัง พระส่วนมากขาดของสิ่งนี้หรือว่ามีล้นวัดอยู่แล้ว มองให้กว้าง คิดให้ไกล อย่าหลงรูปลักษณ์ ถังสวย กล่องงาม ดูดีนะ แกะออกมาแล้วแทบไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่พระเลย-แบบนั้นไม่ควร
อย่าคิดว่าไม่มีเวลา เสียเวลาเลือก ของขายเป็นชุดดีอยู่แล้วจะต้องเลือกทำไม เพราะคิดอย่างนี้แหละเราจึงตกเป็นเหยื่อโดยเต็มใจ
.........................................................
จำได้ไหมครับ เมื่อไม่กี่ปีก่อนโน้น มีการเปิดโปงความเลวของถังสังฆทาน เอาเปรียบและโกงผู้บริโภคทุกรูปแบบ เป็นการทำบาปในกระบวนการบำเพ็ญบุญอย่างน่าละอายที่สุด
ทุกวันนี้แม้กฎหมายจะยื่นมือเข้ามาควบคุม-เช่นต้องแสดงรายการสิ่งของในกล่องหรือในถัง ต้องบอกวันหมดอายุ เป็นต้น และผู้ผลิตปรับปรุงหีบห่อให้ดูดีขึ้น และมีหลากหลายรูปแบบ แต่หลักใหญ่ก็ยังเหมือนเดิม คือต้องซื้อยกถังยกชุด แกะดูก่อนไม่ได้ ก็คือผู้ผลิตเป็นผู้กำหนด ผู้บริโภคเลือกไม่ได้-เหมือนเดิมนั่นเอง
.........................................................
คำแนะนำของผมจึงยังคงยืนตัว-ไปเลือกดูเองเป็นชิ้นๆ ดีที่สุด
สมัยก่อนที่-ทุกอย่างต้องทำกับมือ หาซื้อไม่ได้ คนมีศรัทธาเขาต้องลงทุนทำเอง ถ้าเป็นของกินก็ต้องหุงเองแกงเอง กว่าจะได้ถวาย ลำบากแค่ไหน
นี่เราไม่ต้องทำเองเลย แค่ลงทุนเลือกเองเท่านี้ ยอมเสียเวลาหน่อย แต่ได้ของดี ของมีประโยชน์คุ้มกับที่-ถวายแล้วสงฆ์ได้ฉันได้ใช้ได้ประโยชน์จริงๆ
ขุมทรัพย์ที่คนส่วนมากมองไม่เห็นก็คือ ในการเลือกของด้วยตนเองนั้น ขณะหยิบขณะจับ จิตของเราจะเกิดมหากุศลทุกขณะจิต - ของกินนี่พระชอบฉัน ของใช้นี่พระได้ใช้ประโยชน์จริงๆ ระลึกไปด้วยตลอดเวลา เป็นเบื้องต้นของการทำบุญที่จะได้กุศลแรง ที่ท่านเรียกว่า “บุพเจตนา” คือเจตนาก่อนทำ จิตผ่องใจ เป็นบุญตลอดเวลา
อย่างง่ายที่สุด ประหยัดที่สุด หาอะไรไม่ได้เลย มีกำลังพอซื้อข้าวซื้อแกงได้ชุดเดียว ข้าวผัดห่อเดียว ก๋วยเตี๋ยวถุงเดียว ฯลฯ เท่านี้ก็ถวายสังฆทานได้แล้ว
เราส่วนมากมองข้าม ลืมคิด เพราะจิตถูกดูดไปติดอยู่กับถังสังฆทานชุดสังฆทานเสียหมด
ถวายสังฆทานด้วยของกินง่ายๆ ที่พระไม่ค่อยได้ฉันนี่แหละวิเศษที่สุด
ข้อ ๔ หลักการเลือกของถวายสังฆทาน คือ (๑) ถ้าถวายก่อนเที่ยง พระมีเวลาฉัน ของถวายควรมีของฉัน (อาหาร) เป็นหลัก (๒) ถ้าถวายหลังเที่ยง ของถวายมีของใช้เป็นหลัก งดของกินไม่ว่าจะเป็นของสดหรือแห้ง ถ้าอยากจะถวายของกินจริงๆ-เช่นจำพวกเครื่องกระป๋องของแห้ง ก็ให้แยกไว้ต่างหาก ตั้งไว้ให้พระท่านรู้เท่านั้น ไม่ต้องประเคน
ข้อ ๕ จิตพร้อม ของพร้อม ก็ไปวัดที่สะดวก ตัดอารมณ์วอกแวก วัดนี้ไม่น่าเลื่อมใส วัดโน้นน่าเลื่อมใส วัดไหนเป็นอย่างไรหยุดไว้แค่นั้น ตั้งจิตระลึกถึงพระสงฆ์ในพระรัตนตรัยเป็นหลัก ไม่ต้องโฟกัสไปที่หลวงพ่อองค์นี้ หลวงพี่องค์โน้น หรือเจ้าคุณมหาเปรียญองค์ไหนๆ ทั้งสิ้น มองพระเห็นพระ ไม่ใช่มองพระเห็นหลวงพ่อหลวงพี่
ข้อ ๖ ก่อนถวาย บูชาพระ รับศีล ถ้ากล่าวคำถวายด้วยตัวเองได้ก็ยิ่งประเสริฐ ถ้าไม่เป็นก็ควรหัดควรเรียนไว้บ้าง อย่างน้อยที่สุด เวลามีผู้กล่าวนำก็พอรู้ว่าอย่างไรผิดอย่างไรถูก ไม่ควรปิดประตูไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น กิจเช่นนี้ไม่เหลือวิสัยที่จะเรียนรู้
เวลานี้หลายๆ วัดใช้วิธีจัดทำคำถวายเป็นแผ่นพลาสติกหรือทำเป็นป้ายติดตั้งไว้ในที่เห็นชัด ให้ผู้ถวายอ่านเอง นับเป็นมิติใหม่ ไม่ต้องมีพิธีกร ไม่ต้องให้พระว่านำ
ขอแนะนำว่า ควรศึกษาข้อความในคำถวายให้เข้าใจ อย่าอ่านแบบนกแก้วนกขุนทอง คำบาลีอ่านให้คล่อง คำแปลทำความเข้าใจให้ชัด
ตรงนี้เป็นจุดอับหรือจุดอ่อนอย่างยิ่งของผู้คนสมัยนี้ นั่นคือ ไม่มีฉันทะอุตสาหะที่จะเรียนรู้ ที่จะเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับพระศาสนา มีแต่ศรัทธา ทำแต่ส่วนที่เป็นพิธีกรรม แต่ความรู้ความเข้าใจ หรือปัญญาในเรื่องนั้นๆ-เรื่องที่ตนกำลังทำอยู่นั่นเอง-ไม่เอา ไม่สน ไม่รับรู้
และตรงจุดนี้แหละที่พระหรือวัดควรจะยื่นมือเข้ามาช่วย เวลามีญาติโยมมาถวายสังฆทานถือเป็นโอกาสที่จะให้ปัญญาแก่ญาติโยมไปด้วย จัดพระที่พอมีความรู้ พออธิบายได้ มาทำหน้าที่รับสังฆทาน อธิบายเรื่องสังฆทานให้ญาติโยมฟังไปด้วย
เวลานี้วัดทุกวัดที่จัดบริการถวายสังฆทาน ไม่ได้ทำแบบนี้
ญาติโยมมาถวายสังฆทาน ก็ทำแต่พิธีถวายเท่านั้น จบ
.........................................................
กราบขอประทานอภัย-พูดให้กระทบใจก็ว่า
รับแต่ศรัทธาล้วนๆ
ไม่ให้ปัญญาตอบแทนแต่ประการใดทั้งสิ้น
.........................................................
วัดที่มีบริการถวายสังฆทานมีทั่วประเทศ ถ้าคณะสงฆ์มีวิสัยทัศน์สักหน่อย กำหนดเป็นนโยบายให้ทุกวัดฝึกสอนพระให้มีความรู้ สามารถถ่ายทอดความรู้สู่ญาติโยมได้ เก่งเรื่องถวายสังฆทานเรื่องเดียวพอ กำหนดเนื้อหาสาระเป็นมาตรฐานกลางให้ทุกวัดฝึกอบรมพระขึ้นมาทำหน้าที่รับสังฆทานและสอนเรื่องสังฆทานที่ถูกต้องแก่ญาติโยมที่มาถวายสังฆทาน
รับสังฆทานมา
ให้ปัญญากลับไป
นั่งอยู่กับที่ก็มีโอกาสเผยแผ่พระศาสนาได้อย่างวิเศษ
ขอถวายแนวคิดไว้ขอรับ รับหรือไม่รับก็ถวาย อาจมีกรรมการมหาเถรสมาคมสักรูปหนึ่งที่มีกุศลจิตนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม แล้วแปรรูปออกมาเป็นการปฏิบัติจริง
..................
กลับมาที่คำแนะนำเรื่องถวายสังฆทาน โดยเฉพาะการทำพิธีถวาย ไหว้พระ รับศีล กล่าวคำถวาย ทำให้ครบ
รับศีล = ได้ศีล
ขณะพระให้ศีล กำหนดจิตตาม = ได้ภาวนา
ถวายทาน = ได้ทาน
เป็นอันว่า ทาน ศีล ภาวนา-ไตรสิกขาสำหรับชาวบ้าน เราทำได้ครบในการถวายสังฆทานครั้งเดียว นี่คือถวายสังฆทานถูกวิธี
ในส่วนของผู้ถวาย เราทำหน้าที่ถูกต้องครบถ้วนแล้ว
ในส่วนของสงฆ์ผู้รับถวาย ถ้าอยากรู้ว่าหลักเรื่องสังฆทานต้องปฏิบัติอย่างไร ก็ควรศึกษาหาความรู้ต่อไป
รู้เรื่องหลักของสงฆ์ เป็นวิธีถวายกำลังใจให้สงฆ์ท่านทำหน้าที่ของท่านให้ถูกต้อง คือช่วยให้ท่านระลึกได้อยู่เสมอว่า-เรื่องนี้ชาวบ้านเขารู้นะ อย่าทำอะไรผิดๆ
เพราะฉะนั้น ตอนหน้ามาศึกษากันว่า ของที่ถวายสังฆทานแล้ว ไปไหน
-------------------------
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
๑๑:๕๐
[full-post]
แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ