ทองย้อย แสงสินชัย


วิธีแก้ปัญหา ๕ มาสกที่เจ๋งกว่า

-----------------------------

ศีลของพระ ๒๒๗ ข้อ มีข้อหนึ่งบัญญัติไว้ว่า -

ภิกษุถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ได้ราคา ๕ มาสก ต้องปาราชิก (คือขาดจากความเป็นภิกษุ)

วันนี้ ถ้ามีภิกษุขโมยทรัพย์สิน และจะต้องวินิจฉัยว่าขาดจากความเป็นภิกษุหรือไม่ ก็จะไม่สามารถชี้ขาดได้ เพราะคณะสงฆ์ไทยยังไม่มีข้อวินิจฉัยเด็ดขาดว่า ๕ มาสกเป็นเงินเท่าไรตามอัตราเงินไทยปัจจุบัน

.................................................

ญาติมิตรที่อ่านเรื่อง “วิธีแก้ปัญหา ๕ มาสก” ที่ผมเขียนเมื่อว่านนี้ (๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๕) บอกว่า ไม่จำเป็นต้องรอคณะสงฆ์ไทยวินิจฉัย เขามีวิธีแก้ปัญหา ๕ มาสกที่เจ๋งกว่า

................................................

“เจ๋ง” เป็นภาษาปาก แปลว่า ยอดเยี่ยม ดีเลิศ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน เก็บคำนี้ไว้ด้วย

คำหลายคำ ไม่นึกว่าจะเก็บ ก็เก็บ

คำอีกหลายคำนึกว่าจะเก็บ กลับไม่เก็บ

................................................

ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายของเจ้าของความคิดที่เจ๋งกว่า ผสมไปกับคำอภิปรายของผม

เขาบอกว่า เขามีวิธีที่ดีกว่า-รอให้มหาเถรสมาคมตั้งกองวิชาการขึ้นมาพิจารณาเพื่อหาคำตอบว่า ๕ มาสกเป็นเงินไทยปัจจุบันเท่าไร-ซึ่งอีกกี่ชาติท่านจึงจะตั้งก็ไม่รู้

วิธีที่เจ๋งกว่าของเขาก็คือ พระเณรอย่าเป็นขโมย-เท่านี้ก็หมดปัญหา

จะ ๕ มาสก หรือกี่มาสกก็ไม่ขโมยทั้งนั้น

เมื่อไม่ขโมย ก็ไม่มีของกลางที่จะต้องตีราคา

ไม่ต้องมาเสียเวลาวินิจฉัยว่า ๕ มาสกเป็นเงินกี่บาท

จะกี่บาทก็ไม่มีให้ตีราคา เพราะไม่ได้ขโมยสักบาท 

จบไหม

.................

ผมบอกว่า พระเณรยังเป็นปุถุชนทั้งนั้น จะไว้ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ขโมย ถ้าเกิดมีพระเณรขโมยขึ้นมา ก็จะต้องมีคำตอบอยู่นั่นเองว่า ๕ มาสกเป็นเงินเท่าไร ของที่ขโมยไปราคาถึง ๕ มาสกไหม ถ้ายังไม่รู้ว่า ๕ มาสกเป็นเงินไทยเท่าไร แล้วจะทำอย่างไรกัน

เขาบอกว่า จะต้องไปทำอย่างไรอะไรทำไมอีก พระเณรเป็นขโมยก็ไม่ควรเป็นพระเป็นเณรอยู่แล้ว 

อ้าว

อ้าวทำไม ชาวบ้านธรรมดาๆ เขาก็ไม่ลักขโมยกันอยู่แล้ว นี่มาบวชเป็นพระเป็นเณรแล้วยังลักขโมยอีก จะมาเป็นพระเป็นเณรอยู่ทำไม เหลือศักดิ์ศรีอะไร จริงเปล่า 

จะถึง ๕ มาสกหรือไม่ถึง ๕ มาสก จะขาดจากพระหรือไม่ขาด ไม่มีความหมายอะไร แค่เป็นขโมยก็ไม่ควรจะเป็นพระอยู่แล้ว

ขโมยไม่ถึง ๕ มาสก ยังไม่ขาดจากพระก็จริง 

แต่ไม่มีศักดิ์ศรีที่ควรจะเป็นพระ 

ฉันว่าอย่างนี้แหละ

แล้วญาติมิตรทั้งหลายว่าอย่างไร?

.................

ผมนึกถึงโอวาทปาติโมกข์

ไม่ใช่วันมาฆบูชา ไม่ใช่วันที่จะพูดถึงโอวาทปาติโมกข์ - เราถูกครอบงำด้วยค่านิยมแบบนี้กันทั่วไปหมด 

................................................

วันพ่อ วันแม่ วันครู ฯลฯ

ต้องถึงวันนั้น จึงจะพูดเรื่องนั้นได้

มิเช่นนั้นจะถูกมองว่า-ไม่รู้จักกาลเทศะ

................................................

โอวาทปาติโมกข์เป็นพระพุทธพจน์ มีข้อความดังต่อไปนี้ 

................................................

     สพฺพปาปสฺส อกรณํ       กุสลสฺสูปสมฺปทา 

     สจิตฺตปริโยทปนํ            เอตํ พุทฺธาน สาสนํ ฯ

     ไม่ทำความชั่วทุกชนิด   ทำแต่ความดี 

     ทำใจให้ผ่องใส   นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย 

Abstention from all evil,

Cultivation of the wholesome, 

Purification of the heart; 

This is the Message of the Buddhas. 

     ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา         นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา 

     น หิ ปพฺพฃิโต ปรูปฆาตี       สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต ฯ

     ขันติคือความอดทน เป็นตบะอย่างยอด 

     นิพพาน ท่านผู้รู้กล่าวว่าเป็นยอด 

     ผู้ที่ยังทำร้ายผู้อื่นอยู่ ไม่จัดว่าเป็นบรรพชิต 

     ผู้ที่ยังเบียดเบียนคนอื่นอยู่ ไม่จัดว่าเป็นสมณะ 

Forbearance is the highest ascetic practice, 

'Nibbana is supreme'; say the Buddhas. 

He is not a 'gone forth' who harms another. 

He is not a recluse who molests another. 

อนูปวาโท อนูปฆาโต        ปาฏิโมกฺเข จ สํวโร 

มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ       ปนฺตญฺจ สยนาสนํ 

อธิจิตฺเต จ อาโยโค            เอตํ พุทฺธาน สาสนํ ฯ

     ไม่ว่าร้ายใคร ไม่กระทบกระทั่งใคร  ระมัดระวังในปาติโมกข์ 

     บริโภคพอประมาณ  อยู่ในสถานสงัด 

     ฝึกหัดจิตให้สงบ  นี้คือคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย 

To speak no ill, To do no harm, 

To observe the Rules, 

To be moderate in eating, 

To live in a secluded abode, 

To devote oneself to meditation-

This is the Message of the Buddhas.

ที่มา:

- มหาปทานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๐ ข้อ ๕๔

- พุทธวรรค ธรรมบท พระไตรปิฎกเล่ม ๒๕ ข้อ ๒๔ 

คำแปลเป็นไทยและภาษาอังกฤษ:

หนังสือ “พุทธวจนะในธรรมบท” โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

................................................

ที่ผมว่านึกถึงโอวาทปาติโมกข์ คือนึกถึงข้อความที่ว่า -

(๑) น หิ ปพฺพฃิโต ปรูปฆาตี 

ผู้ที่ยังทำร้ายผู้อื่นอยู่ ไม่จัดว่าเป็นบรรพชิต 

(๒) สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต ฯ

ผู้ที่ยังเบียดเบียนคนอื่นอยู่ ไม่จัดว่าเป็นสมณะ 

(๓) อนูปฆาโต 

ไม่กระทบกระทั่งใคร 

(๔) ปาฏิโมกฺเข จ สํวโร 

ระมัดระวังในปาติโมกข์ 

การลักขโมยนั้นฝ่าฝืนโอวาทปาติโมกข์อย่างน้อยก็ ๔ ข้อ เฉพาะข้อ (๑) และข้อ (๒) ท่านว่า-ทำอย่างนั้น “ไม่จัดว่าเป็นบรรพชิต” “ไม่จัดว่าเป็นสมณะ”

.................

ถ้าได้คำตอบจากมติของคณะสงฆ์ไทยว่า ๕ มาสกเป็นเงินไทยปัจจุบันเท่าไร นั่นนับว่าเป็นการดี จะได้ใช้เป็นมาตรฐานในการวินิจฉัยปัญหาทางพระวินัย

แม้เราจะไม่รู้ว่าอีกกี่ชาติคณะสงฆ์ไทยท่านจะจึงวินิจฉัยปัญหานี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องรอไปตลอดชาติ

เรามีหลักการวินิจฉัยปัญหาทางพระธรรมอยู่แล้วว่า - จะถึง ๕ มาสกหรือไม่ถึง ๕ มาสกก็ตาม ถ้าลักขโมยละก็ “ไม่จัดว่าเป็นบรรพชิต” “ไม่จัดว่าเป็นสมณะ” ทั้งนั้น

ผมชักจะเห็นด้วยกับท่านเจ้าของความคิด - วิธีแก้ปัญหา ๕ มาสกที่เจ๋งกว่า

-----------------------

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๕

๑๓:๔๙

[full-post]

วิธีแก้ปัญหา ๕ มาสกที่เจ๋งกว่า

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.