ทองย้อย แสงสินชัย


มหากัสสปโพชฌังคสูตร

---------------------

ช่วงเวลานี้ วัดต่างๆ มีการสวดบทสวดมนต์ที่เรียกว่า “โพชฌงค์” หน่วยงานและประชาชนทั่วไปก็ชักชวนเชิญชวนกันสวดด้วย ตามที่คณะสงฆ์ขอความร่วมมือ นับเป็นกิจที่ควรแก่การอนุโมทนา

ทำไมจึงสวดโพชฌงค์ คงมีผู้อธิบายให้รับรู้กันทั่วไปแล้ว ขอผ่านประเด็นนี้ไป

ผมเข้าใจว่า “โพชฌงค์” ที่สวดกันนั้นคงเป็นบทที่เรียกว่า “โพชฌงคปริตร” อันเป็นพระปริตรบทหนึ่งที่พระสงฆ์ท่านสวดในการเจริญพระพุทธมนต์ในงานมงคลซึ่งเราท่านย่อมได้สดับกันอยู่เนืองๆ

“โพชฌงคปริตร” ดังกล่าวนี้อาจเรียกว่าเป็นโพชฌงค์ฉบับย่อ คือเป็นบทที่โบราณาจารย์ท่านเก็บความในโพชฌงคสูตรในพระไตรปิฎกมาเรียบเรียงขึ้นและนิยมใช้สวดกันสืบมา

ยังมีโพชฌงค์สูตรซึ่งเรียกได้ว่าเป็นโพชฌงค์ฉบับเต็มอยู่ในพระไตรปิฎก แต่ชาวเรา-คือทั้งชาววัดและชาวบ้าน-ไม่ได้นำมาสวดกัน ทั้งๆ ที่เป็นโพชฌงค์ต้นฉบับ นับว่าชอบกลอยู่

ผมพิจารณาเห็นว่า โพชฌงค์ฉบับเต็มน่าศึกษาและน่าสวด จึงขออัญเชิญจากพระไตรปิฎกมาเสนอไว้ในที่นี้

โพชฌงคสูตรในพระไตรปิฎกเท่าที่เห็นมี ๓ สูตร คือ มหากัสสปโพชฌังคสูตร มหาโมคคัลลานโพชฌังคสูตร และมหาจุนทโพชฌังคสูตร ในที่นี้ขอนำเฉพาะมหากัสสปโพชฌังคสูตรมาเสนอเพียงสูตรเดียวก่อน อีก ๒ สูตรนั้นสาระสำคัญตรงกัน ต่างกันที่มหาโมคคัลลานโพชฌังคสูตรว่าด้วยพระมหาโมคคัลลานะอาพาธ พระพุทธองค์ทรงแสดงโพชฌงค์โปรด และมหาจุนทโพชฌังคสูตรว่าด้วยพระพุทธองค์ทรงอาพาธ รับสั่งให้พระมหาจุนทะสาธยายโพชฌงค์ให้ทรงสดับ 

ผู้สนใจรายละเอียดสามารถตามไปศึกษาได้จากที่มาเดียวกันกับมหากัสสปโพชฌังคสูตร

ท่านที่มีศรัทธาจะสวด ถ้าจะใช้มหากัสสปโพชฌังคสูตรนี้สวดเสริมเพิ่มขึ้นจากโพชฌงคปริตรที่สวดกันทั่วไปแล้ว ก็น่าจะดี

เวลานี้เราสวดมนต์โดยวิธีกางหนังสืออ่านกันทั่วไป เพราะฉะนั้นหากจะกางมหากัสสปโพชฌังคสูตรเพิ่มขึ้นอีกสักบทหนึ่งก็คงไม่ลำบากอะไร 

คำเสนอแนะของผมก็คือ ควรจะอ่าน-เหมือนอ่านหนังสือ-ไปสักหลายๆ เที่ยวก่อน โดยเฉพาะควรทำความเข้าใจหรือหาความรู้จากคำแปลด้วย จะได้รู้ความหมายที่สวด แต่เวลาสวดออกเสียงสวดเฉพาะคำบาลี โดยไม่ต้องพะวงกับคำแปล อยากรู้ความหมายก็มาอ่านเอาทีหลังได้

โพชฌงคสูตรจะศักดิ์สิทธิ์หรือจะรักษาโรคได้จริงหรือไม่-นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ขออนุญาตเสนอแนะว่า-อย่าไปคำนึงถึง ประเด็นคือสวดแล้วจิตของเราเป็นสมาธิ เป็นกุศล ทั้งได้ความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมไปด้วย-เท่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ประเด็น 

ขออนุโมทนาสาธุการกับทุกท่านครับ

................................................

มหากัสสปโพชฌังคสูตร

................................................

เอวัมเม  สุตัง  เอกัง  สะมะยัง  ภะคะวา  ราชะคะเห  วิหะระติ  เวฬุวะเน  กะลันทะกะนิวาเป  ฯ

ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้:

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถานใกล้กรุงราชคฤห์ 

เตนะ  โข  ปะนะ  สะมะเยนะ  อายัส๎มา  มะหากัสสะโป  ปิปผะลิคุหายัง  วิหะระติ  อาพาธิโก  ทุกขิโต  พาฬหะคิลาโน  ฯ 

ก็สมัยนั้น ท่านพระมหากัสสปะอาพาธ ไม่สบาย เป็นไข้หนักอยู่ที่ปิปผลิคูหา

อะถะ  โข  ภะคะวา  สายัณหะสะมะยัง  ปฏิสัลลานา  วุฏฐิโต  เยนายัส๎มา  มะหากัสสะโป  เตนุปะสังกะมิ  อุปะสังกะมิต๎วา  ปัญฺญัตเต  อาสะเน  นิสีทิ  ฯ  นิสัชฺชะ  โข  ภะคะวา  อายัส๎มันตัง  มะหากัสสะปัง เอตะทะโวจะ  

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เข้าไปหาท่านพระมหากัสสปะถึงที่อยู่ แล้วประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้

ครั้นแล้วได้ตรัสถามท่านพระมหากัสสปะว่า  

กัจจิ  เต  กัสสะปะ  ขะมะนียัง  กัจจิ  ยาปะนียัง  กัจจิ  ทุกขา  เวทะนา  ปะฏิกกะมันติ  โน  อะภิกกะมันติ  ปะฏิกกะโมสานัง  ปัญญายะติ  โน  อะภิกกะโมติ  ฯ 

ดูก่อนกัสสปะ เธอพออดทนได้หรือ พอยังอัตภาพให้เป็นไปได้หรือ ทุกขเวทนาคลายลง ไม่กําเริบขึ้นแลหรือ ความทุเลาย่อมปรากฏ ความกําเริบขึ้นไม่ปรากฏแลหรือ

นะ  เม  ภันเต  ขะมะนียัง  นะ  ยาปะนียัง  พาฬหา  เม  ทุกขา  เวทะนา  อะภิกกะมันติ  โน  ปะฏิกกะมันติ  อะภิกกะโมสานัง  ปัญญายะติ  โน  ปะฏิกกะโมติ  ฯ 

ท่านพระมหากัสสปะกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์อดทนไม่ได้ ยังอัตภาพให้เป็นไปไม้ได้ ทุกขเวทนาของข้าพระองค์กําเริบหนัก ยังไม่คลายไป ความกําเริบขึ้นย่อมปรากฏ ความทุเลาไม่ปรากฏ

สัตติเม  กัสสะปะ  โพชฌังคา  มะยา  สัมมะทักขาตา  ภาวิตา  พะหุลีกะตา  อะภิญญายะ  สัมโพธายะ  นิพพานายะ  สังวัตตันติ  ฯ 

ดูก่อนกัสสป โพชฌงค์ ๗ เหล่านี้ เรากล่าวไว้ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้แจ้ง เพื่อนิพพาน 

กะตะเม  สัตตะ  ฯ 

โพชฌงค์ ๗ เป็นไฉน?

สะติสัมโพชฌังโค  โข  กัสสะปะ  มะยา  สัมมะทักขาโต ภาวิโต  พะหุลีกะโต  อะภิญญายะ  สัมโพธายะ  นิพพานายะ  สังวัตตะติ  ฯ

ดูก่อนกัสสปะ สติสัมโพชฌงค์ (องค์ธรรมเพื่อการตรัสรู้คือความระลึกได้) เรากล่าวไว้ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้แจ้ง เพื่อนิพพาน

ธัมมะวิจะยะสัมโพชฌังโค  โข  กัสสะปะ  มะยา  สัมมะทักขาโต ภาวิโต  พะหุลีกะโต  อะภิญญายะ  สัมโพธายะ  นิพพานายะ  สังวัตตะติ  ฯ

ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ (องค์ธรรมเพื่อการตรัสรู้คือความสอดส่องสืบค้นธรรม) ...

วิริยะสัมโพชฌังโค  โข  กัสสะปะ  มะยา  สัมมะทักขาโต ภาวิโต  พะหุลีกะโต  อะภิญญายะ  สัมโพธายะ  นิพพานายะ  สังวัตตะติ  ฯ

วิริยสัมโพชฌงค์ (องค์ธรรมเพื่อการตรัสรู้คือความเพียร) ...

ปีติสัมโพชฌังโค  โข  กัสสะปะ  มะยา  สัมมะทักขาโต ภาวิโต  พะหุลีกะโต  อะภิญญายะ  สัมโพธายะ  นิพพานายะ  สังวัตตะติ  ฯ

ปีติสัมโพชฌงค์ (องค์ธรรมเพื่อการตรัสรู้คือความอิ่มใจ) ...

ปัสสัทธิสัมโพชฌังโค  โข  กัสสะปะ  มะยา  สัมมะทักขาโต ภาวิโต  พะหุลีกะโต  อะภิญญายะ  สัมโพธายะ  นิพพานายะ  สังวัตตะติ  ฯ

ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ (องค์ธรรมเพื่อการตรัสรู้คือความผ่อนคลายสงบเย็นกายใจ) ...

สะมาธิสัมโพชฌังโค  โข  กัสสะปะ  มะยา  สัมมะทักขาโต ภาวิโต  พะหุลีกะโต  อะภิญญายะ  สัมโพธายะ  นิพพานายะ  สังวัตตะติ  ฯ

สมาธิสัมโพชฌงค์ (องค์ธรรมเพื่อการตรัสรู้คือความมีใจตั้งมั่น) ...

อุเปกฺขาสัมโพชฌังโค  โข  กัสสะปะ  มะยา  สัมมะทักขาโต  ภาวิโต พะหุลีกะโต  อะภิญญายะ  สัมโพธายะ  นิพพานายะ  สังวัตตะติ  ฯ 

อุเบกขาสัมโพชฌงค์ (องค์ธรรมเพื่อการตรัสรู้คือความมีใจเป็นกลางเพราะเห็นตามเป็นจริง) เรากล่าวไว้ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้แจ้ง เพื่อนิพพาน

อิเม  โข  กัสสะปะ  สัตตะ  โพชฌังคา  มะยา  สัมมะทักขาตา  ภาวิตา  พะหุลีกะตา  อะภิญญายะ  สัมโพธายะ  นิพพานายะ  สังวัตตันตีติ  ฯ 

ดูก่อนกัสสปะ โพชฌงค์ ๗ เหล่านี้แล เรากล่าวไว้ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้แจ้ง เพื่อนิพพาน

ตัคฆะ  ภะคะวา  โพชฌังคา  ตัคฆะ  สุคะตะ  โพชฌังคาติ  ฯ

ท่านพระมหากัสสปะกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า โพชฌงค์เป็นจริงดังพระดำรัส ข้าแต่พระสุคต โพชฌงค์ถูกต้องดังพระดำรัส 

อิทะมะโวจะ  ภะคะวา  ฯ  อัตตะมะโน  อายัส๎มา  มหากัสสะโป  ภะคะวะโต  ภาสิตัง  อะภินันทิ  ฯ 

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว ท่านพระมหากัสสปะปลื้มใจ ชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า

วุฏฐาหิ  จายัส๎มา  มะหากัสสะโป  ตัมหา  อาพาธา  ตะถา  ปะหีโน  จายัส๎มะโต  มะหากัสสะปัสสะ  โส  อาพาโธ  อะโหสีติ  ฯ 

ท่านพระมหากัสสปะหายจากอาพาธนั้นแล้ว และอาพาธนั้นอันท่านพระมหากัสสปะละได้แล้ว ด้วยประการฉะนี้แล

................................................

ที่มา: สังยุตนิกาย มหาวารวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๙ ข้อ ๔๑๕-๔๑๙

................................................

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๕

๑๙:๐๔

[full-post]

มหากัสสปโพชฌังคสูตร

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.