ทองย้อย แสงสินชัย

#บาลีวันละคำ (3,853)


ศาสตราภิชาน

รู้ก็ยากเย็น เป็นก็ยากยิ่ง

อ่านว่า สาด-ตฺรา-พิ-ชาน

ประกอบด้วยคำว่า ศาสตร + อภิชาน 

(๓) “ศาสตร” 

เป็นรูปคำสันสกฤต บาลีเป็น “สตฺถ” (สัด-ถะ) รากศัพท์มาจาก -

(1) สสฺ (ธาตุ = เบียดเบียน) + ถ ปัจจัย, แปลง สฺ ที่ (ส)-สฺ เป็น ตฺ

: สสฺ + ถ = สสฺถ > สตฺถ แปลตามศัพท์ว่า “วัตถุเป็นเครื่องเบียดเบียนสัตว์” คำเดิมหมายถึง “ของมีคม” ความหมายนี้ตรงกับสันสกฤตว่า “ศสฺตฺร” แปลว่า ดาบ, มีด, อาวุธ ใช้ในภาษาไทยว่า ศัสตรา หรือ ศาสตรา บางทีก็พูดควบกันว่า ศาสตราวุธ หรือ ศาสตราอาวุธ (weapon, sword, knife)

(2) สรฺ (ธาตุ = ไป, เป็นไป) + ถ ปัจจัย แปลง รฺ เป็น ตฺ

: สรฺ + ถ = สรฺถ > สตฺถ แปลตามศัพท์ว่า “หมู่เป็นที่เป็นไปแห่งส่วนย่อยทั้งหลาย” ความหมายนี้ตรงกับสันสกฤตว่า “สารฺถ” หมายถึง กองเกวียนของพ่อค้า, กองคาราวาน, ขบวนยานพาหนะ (caravan)

(3) สาสฺ (ธาตุ = สอน) + ถ ปัจจัย, รัสสะ (หดเสียง) อา ที่ สา-(สฺ) เป็น อะ (สาสฺ > สสฺ), แปลง สฺ เป็น ตฺ

: สาสฺ + ถ = สาสฺถ > สสฺถ > สตฺถ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งเป็นเครื่องสอนเนื้อความ” ความหมายนี้ตรงกับสันสกฤตว่า “ศาสฺตฺร” หมายถึง คัมภีร์, ตำรา, ศิลปะ, วิชาความรู้ (science, art, lore)

“ศาสตร” มีความหมาย 2 อย่าง คือ 

(ก) หมายถึง “ของมีคม” ตามบาลี “สตฺถ” ในข้อ (1) ความหมายนี้สันสกฤตเป็น “ศสฺตฺร” 

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า

(สะกดตามต้นฉบับ)

“ศสฺตฺร : (คำนาม) ‘ศัสตระ,’ อายุธ, อาวุธทั่วไป; เหล็ก; เหล็กกล้า; ดาพ, กระบี่; มีด, พร้า; a weapon in general, iron; steel; a sword; a knife.”

ความหมายนี้ในภาษาไทยสะกดเป็น “ศัสตรา” และ “ศาสตรา” 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า -

(1) ศัสตรา, ศัสตราวุธ : (คำนาม) ของมีคมเป็นเครื่องฟันแทง, อาวุธต่าง ๆ. (ส.).

(2) ศาสตรา : (คำนาม) ศัสตรา.

(ข) หมายถึง “วิชาความรู้” ตามบาลี “สตฺถ” ในข้อ (3) ความหมายนี้สันสกฤตเป็น “ศาสฺตฺร” 

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า -

(สะกดตามต้นฉบับ)

“ศาสฺตฺร : (คำนาม) ‘ศาสตร์’ คำสั่งหรือบัญชา; เวท, วิทยา, ธรรมศาสตร์, กฎหมาย; หนังสือทั่วไป; an order or command; scripture or Veda, science, institutes of religion, law; a book in general.”

ความหมายนี้ในภาษาไทยสะกดเป็น “ศาสตร” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า -

“ศาสตร-, ศาสตร์ : (คำนาม) ระบบวิชาความรู้, มักใช้ประกอบหลังคําอื่น เช่น วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ มนุษยศาสตร์. (ส.).”

ในที่นี้ สะกดเป็น “ศาสตร” หมายถึง ระบบวิชาความรู้

(๒) “อภิชาน” 

บาลีอ่านว่า อะ-พิ-ชา-นะ รากศัพท์มาจาก อภิ (คำอุปสรรค = เหนือ, ทับ, ยิ่ง, ข้างบน) + ญา (ธาตุ = รู้) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ), แปลง ญา เป็น ชา

: อภิ + ญา = อภิญา + ยุ > อน = อภิญาน > อภิชาน (อะ-พิ-ชา-นะ) แปลตามศัพท์ว่า “รู้ยิ่ง” 

“อภิชาน” ใช้เป็นคำนาม แปลว่า “การรู้ยิ่ง” ใช้เป็นคุณศัพท์ แปลว่า “ผู้รู้ยิ่ง”

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อภิชาน” ว่า recognition, remembrance, recollection (การรู้ยิ่ง, ความทรงจำ, ความจำได้หรือระลึกได้)

ศาสตร + อภิชาน = ศาสตราภิชาน แปลว่า (1) การรู้ยิ่งในระบบความรู้ (2) ผู้รู้ยิ่งในระบบความรู้ 

“ศาสตราภิชาน” เป็นศัพท์บัญญัติ เทียบอังกฤษว่า distinguished scholar

ผู้บัญญัติคำนี้อาจเล็งความหมายไปที่ “ศาสตราจารย์ผู้มีความรู้อย่างยิ่ง” ก็เป็นได้

ขยายความ :

หน้า “คลังความรู้” ของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา (อ่านเมื่อ 30 ธันวาคม 2565 เวลา 20:30 น.) มีคำว่า “ศาสตราภิชาน” จินดารัตน์ โพธิ์นอก เป็นผู้เขียน เผยแพร่เมื่อ 29 ตุลาคม 2557 มีข้อความดังนี้ -

(ปรับย่อหน้าวรรคตอนเพื่อให้อ่านง่าย)

..............

                      ศาสตราภิชาน 

           ศาสตราจารย์ (professor) เป็นตำแหน่งทางวิชาการสูงสุดในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย ซึ่งเริ่มต้นจาก อาจารย์ (instructor) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (assistant professor) รองศาสตราจารย์ (associate professor) และศาสตราจารย์ (professor) ตามลำดับ

           ส่วน ศาสตราภิชาน (distinguished scholar) นั้น คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ร่วมสมัย ราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า หมายถึง ตำแหน่งที่ไม่ใช่การกำหนดตำแหน่งทางวิชาการของมหาวิทยาลัย แต่งตั้งเพื่อจูงใจผู้ทรงคุณวุฒิมาทำงานในมหาวิทยาลัย เป็นตำแหน่งที่ได้รับเงินสนับสนุนอย่างพอเพียงจากแหล่งทุนภายนอกมหาวิทยาลัย 

           ผู้ได้รับการแต่งตั้งอาจเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์ หรือนักวิชาการที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งทางวิชาการก็ได้ เป็นตำแหน่งที่กำหนดภารกิจชัดเจน มีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งและมีค่าตอบแทนของแต่ละตำแหน่งไม่เท่ากัน 

           ศาสตราภิชานเป็นตำแหน่งที่สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งเพื่อเป็นเกียรติและยกย่องผู้มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานทางวิชาการดีเด่น และเป็นผู้ทรงคุณธรรม ตามข้อบังคับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าด้วยการแต่งตั้งศาสตราภิชาน พ.ศ.๒๕๕๒ กำหนดวัตถุประสงค์ของการแต่งตั้งศาสตราภิชาน ดังนี้ 

           ๑) ยกย่องผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ 

           ๒) เป็นกำลังใจแก่ผู้เชี่ยวชาญที่อุทิศตนเพื่อวิชาการ 

           ๓) สนับสนุนให้มีการพัฒนาทางวิชาการ 

           ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราภิชาน มีสิทธิใช้คำว่า “ศาสตราภิชานเงินทุน…” แล้วตามด้วยชื่อเงินทุนศาสตราภิชานนั้น ๆ ตามประกาศแต่งตั้งของสภามหาวิทยาลัยต่อท้ายชื่อของตนเองตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งศาสตราภิชาน 

           ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราภิชาน ได้รับเงินสมนาคุณสำหรับตำแหน่ง จากเงินทุนศาสตราภิชานนั้น ๆ ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง โดยมีพันธกิจที่จะปฏิบัติเพื่อประโยชน์ทางวิชาการแก่มหาวิทยาลัยตามที่ตกลง.

..............

ดูก่อนภราดา!

: รู้เรื่องศีลอย่างช่ำชอง

: ไม่ใช่คำรับรองว่าจะมีศีล

[full-post]

ศาสตราภิชาน

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.