เห็นใครเขียนผิด ช่วยกันสะกิดทันที

-------------------------------

ผมขอเชิญชวนญาติมิตรให้ช่วยกันเปิดมิติใหม่ในโลกสื่อสารเฟซบุ๊ก

นั่นคือ “เห็นใครเขียนผิด ช่วยกันสะกิดทันที”

      เรื่องจริงที่ปรากฏในขณะนี้คือ ในเฟซบุ๊กนี้ ใครเขียนคำผิดหรืออ้างเรื่องราวผิดความจริงโพสต์เผยแพร่ ใครเห็นใครอ่าน ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิด แต่ก็ไม่ทักท้วง ปล่อยเฉยเลยผ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เหตุผลสำคัญที่อ้างกันก็คือ การทักท้วง --

      - เป็นการเสียมารยาท

      - เป็นการจับผิดชาวบ้าน

      - เป็นการดูถูกกัน

      - ทำให้ผู้ถูกทักท้วงเสียหน้า

      - ทำให้ผู้ถูกทักท้วงได้รับความอับอาย

      - ทำให้ผู้ถูกทักท้วงโกรธเกลียดผู้ทักท้วง

      - เป็นที่มาแห่งการขัดแย้ง

      - เป็นที่มาแห่งการทะเลาะวิวาท

      - ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน

      - เป็นการสร้างศัตรู

      - อ้างว่าไม่ใช่ธุระของเรา

      เหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งคือ ผู้เขียนผิดพูดผิดนั้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว หรือเป็นคนสำคัญในสังคม อยู่ในฐานะที่ใครๆ ไม่ควรจะไปทักท้วง ไม่ควรไปแตะต้อง

ผลจากการมีท่าทีเช่นนี้ก็คือ

      - คำผิด-ข้อมูลผิดปรากฏให้คนเห็นอยู่ทั่วไป 

      - เป็นตัวอย่างให้เขียนตามอ้างอิงตามๆ กันต่อไปอีก 

      - เผยแพร่คำผิด-ข้อมูลผิดให้กระจายกว้างขวางยิ่งๆ ขึ้น

      - ผู้เขียนผิดพูดผิดเองก็ไม่รู้ว่าตนเขียนผิดพูดผิด เขียนคำนั้นอ้างเรื่องนั้นทีไร ก็เขียนผิดอ้างผิดอยู่นั่นเอง ไม่มีโอกาสแก้ไข

      - เท่ากับช่วยกันเอาขยะมาทิ้งไว้ในสังคม

      - เท่ากับช่วยกันทำร้ายและทำลายภาษาอันเป็นวัฒนธรรมของชาติให้เสื่อมทรามลงไป-อย่างเลือดเย็น

      - บ่มเพาะนิสัยไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น

      - บ่มเพาะนิสัยปล่อยปละละเลยให้พอกพูนในใจผู้คนยิ่งๆ ขึ้น จากเรื่องถ้อยคำภาษา ต่อไปก็ลามไปถึงเรื่องอื่นๆ อีก กลายเป็นคนไม่รับผิดชอบในทุกๆ เรื่อง

....................

      เมื่อเป็นเช่นนี้ คนทำผิดก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำนั้นผิด จึงยังคงทำผิดเรื่อยไปเพราะไม่รู้ ไม่มีใครเตือน ครั้นพอจะมีใครเตือน ก็ถูกสกัดด้วยคำว่า “เอาแต่จับผิดชาวบ้าน” เท่ากับช่วยกันปกป้องการทำผิดให้ดำรงอยู่และขยายตัวต่อไป

มีพุทธภาษิตบทหนึ่งว่า -

...........

            นิธีนํว  ปวตฺตารํ                ยํ  ปสฺเส  วชฺชทสฺสินํ

            นิคฺคยฺหวาทึ  เมธาวึ          ตาทิสํ  ปณฺฑิตํ  ภเช

            ตาทิสํ  ภชมานสฺส              เสยฺโย  โหติ  น  ปาปิโย.

แปลเป็นไทยว่า - 

            พึงเห็นผู้มักชี้โทษเหมือนผู้บอกขุมทรัพย์ 

            พึงคบหาท่านผู้กล่าวข่มขี่ มีปัญญา เป็นบัณฑิตเช่นนั้นเถิด 

            เมื่อคบบัณฑิตเช่นนั้น ย่อมมีแต่คุณอันประเสริฐ 

            หามีโทษที่เลวทรามไม่

ที่มา: บัณฑิตวรรค ธรรมบท พระไตรปิฎกเล่ม ๒๕ ข้อ ๑๖

...................

ในคัมภีร์อรรถกถา (ธัมมปทัฏฐถกถา ภาค ๔ เรื่องที่ ๖๐ ราธเถรวตฺถุ) อธิบายพุทธภาษิตบทนี้ ยกตัวอย่างพระภิกษุที่เป็นพระอุปัชฌาย์ไม่อบรมสั่งสอนภิกษุที่เป็นศิษย์

ภิกษุที่เป็นศิษย์ประพฤติผิดพระธรรมวินัย หรือทำอะไรไม่ถูกไม่ควรอย่างไร ก็ไม่ว่าไม่กล่าว เพราะกลัวศิษย์จะโกรธบ้าง กลัวศิษย์จะไม่รักบ้าง และเพราะกลัวศิษย์จะไม่อำนวยประโยชน์ให้ตนบ้าง

ท่านบอกว่าพระอุปัชฌาย์ชนิดนี้เปรียบเหมือนผู้เอาขยะมาเทไว้ในพระศาสนา

ในการอยู่รวมกันเป็นสังคมก็มีคติอย่างเดียวกัน รู้เห็นว่าใครทำอะไรผิดแล้วปล่อยปละละเลย อ้างว่าไม่ใช่ธุระของเรา ซ้ำอ้างว่าพระพุทธศาสนาสอนไม่ให้มองหาความผิดของคนอื่น ก็เท่ากับปล่อยให้มีคนทิ้งขยะรกสังคมนั่นเอง

เห็นคนทำผิดแล้วไม่ทักท้วง กำลังกลายเป็นมารยาทที่คนนิยมประพฤติกันทั่วไป คนทักท้วงจะถูกมองว่าเสียมารยาท 

เหมือนเห็นคนทิ้งขยะเกลื่อนไปทุกถนนหนทาง แล้วไม่มีใครบอก ไม่มีใครเตือน ไม่มีใครเก็บ นับว่าเป็นค่านิยมที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง

...................

ผมจึงขอเชิญชวนญาติมิตรให้ช่วยกันเปิดมิติใหม่ในโลกสื่อสารเฟซบุ๊ก

“เห็นใครเขียนผิด ช่วยกันสะกิดทันที”

เริ่มจากผมเอง-ขอปวารณาว่า -

......................................................

ญาติมิตรผู้ใดใครผู้หนึ่งอ่านพบว่า ผมเขียนสะกดการันต์ผิด อ้างหลักวิชาผิดพลาดคลาดเคลื่อน อ้างเอ่ยเรื่องราวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง-เป็นต้น รวมทั้งเห็นว่าเรื่องและภาพที่นำมาเผยแพร่นั้นไม่เหมาะไม่ควรด้วยประการใดๆ ขอได้โปรดทักท้วงชี้แนะ อย่าได้เกรงใจเป็นอันขาด 

และถ้าจะกรุณาชี้แนะโดยเปิดเผยทางหน้าเฟซนี้เลย ก็จะเป็นการดี ช่วยทำให้ญาติมิตรอื่นๆ ที่ไม่ทันรู้เห็นจะได้รู้ได้เห็น เกิดสติและปัญญากว้างขวางยิ่งขึ้น เป็นการชี้ขุมทรัพย์ให้กันและกันด้วยไมตรีจิต สมด้วยพุทธภาษิตที่ยกมาแสดงข้างต้นนั้นทุกประการ

......................................................

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

๑๒ มกราคม ๒๕๖๖

๑๖:๕๙

[full-post]

เขียนผิดสะกิดทันที, ช่วยเตือน

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.