สมเกียรติ พลเดชอุดมคุณ
พระวินัยปิฏก
คำศัพท์ว่า " วินัย " หมายถึงอะไร? สิ่งที่หมายถึงนั้นๆ คือ ส่วนไหนของพระวินัยปิฏก?... 1.
มีรูปแบบสรุป(ปริวาร)อย่างไร?... 1.
" วิวิธวิเสสนยตฺตา วินยนโต เจว กายวาจานํ
วินยตฺถวิทูหิ อยํ วินโย วินโยติ อกฺขาโต." (วิ.อ.1/18)
แปลว่า " คำศัพท์ว่า วินัยนี้ ที่ผู้รู้ความหมายคำศัพท์ กล่าวว่า เป็นคำแนะนำ(วินัย=คำแนะนำ) เพราะเป็นกฏระเบียบต่างๆ (วินัย=วิวิิธ) มี ภิกขุปาติโมกข์, ภิกษุณีปาติโมกข์ เป็นต้น, เพราะเป็นความโดดเด่น(วินัย=วิเสส)ที่สิกขาบท มี อนุบัญญัติยืดหยุ่นให้รัดกุมหรือผ่อนผันได้ตามความเหมาะสมที่สิกขาบทข้อนั้นๆพึงมีได้, และเพราะเป็นวิธีการฝึก(วินัย=วิธีการฝึก)กาย, วาจาด้วย."
การรู้ความหมายคำศัพท์ " วินัย " จึงมีอุปการะต่อผู้ศึกษาเป็นอย่างยิ่ง กล่าวคือ เมื่อรู้สิ่งที่หมายถึง ก็ย่อมรู้ส่วนที่เป็นองค์ธรรม ซึ่งถึงจะเรียกชื่อไปต่างๆนาๆ หรือสลับไปมา ก็ไม่สับสน เพราะสภาวองค์ธรรมส่วนนั้นๆ มีสภาวลักษณะประจำเฉพาะองค์ธรรมนั้นๆแน่นอน ตัวอย่างเช่น กิจวัตร 14 ข้อกับ วัตรที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติเวลาถูกสงฆ์ลงกรรม(ลงโทษ), หรือให้ปริวาส(จองจำ) 82 ข้อ แม้ในคัมภีร์ต่างๆจะเรียกชื่อต่างกัน แต่สภาวะขององค์ธรรม และจำนวนหัวข้อที่แน่นอน ก็จะป้องกันไม่ให้เกิดสับสนได้ ดังเช่น กิจวัตร 14 ข้อ บ้างคัมภีร์ก็เรียกว่า มหาวัตร 14 ข้อบ้าง ขันธกวัตร 14 ข้อบ้าง ทำนองเดียวกัน วัตรที่เป็นข้อปฏิบัติ 82 ข้อ บางคัมภีร์ก็เรียกว่า มหาวัตร 82 ข้อบ้าง ขันธกวัตร 82 ข้อบ้าง เช่นเดียวกัน จำนวนข้อวัตรที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ บางคัมภีร์ก็กล่าวว่า มี 82 ข้อบ้าง มี 80 ข้อบ้าง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทสภาวักษณะที่แบ่งย่อยอีกทีนั่นเอง กล่าวคือ ข้อที่ 1.ถึงข้อที่ 66.มีสภาวะลักษณะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติล้วนๆ, ข้อที่67 ถึงข้อที่ 71 มีสภาวลักษณะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติด้วย เป็นมรรยาทด้วย ส่วนข้อที่ 72 และ ข้อที 79 ที่บางคัมภีร์ เช่น คัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคไม่นับรวมเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ คือนับเพียง 80 ข้อเท่านั้น เพราะถือว่า ข้อที่ 72 เป็นผลที่ภิกษุถูกสงฆ์ลงกรรม, ให้ปริวาส ส่งผลให้เสียสิทธิที่พึงได้จากปกตัตตภิกษุ ข้อที่ 79 ก็เป็นผลที่ภิกษุถูกสงฆ์ลงกรรม, ให้ปริวาส ส่งผลให้เพศภิกษุบกพร่องไม่บริบูรณ์
และเพราะคัมภีร์อรรถกถาพระวินัย มีการอาศัยศีลต่างหมวดประเภทกัน เป้าหมายคัมภีร์อรรถกถาจึงต่างกัน เช่น สายอรรถกถาสมันตปาสาทิกา อาศัยศีลหมวด 2 คือ วาริตศีล ที่เป็นศีลข้อห้ามประพฤติ กับจาริตศีล ที่เป็นศีลข้อพึงประพฤติ เป้าหมายของศีลหมวดนี้ คือ ความเป็นผู้มีศีลบริบูรณ์ ซึ่งจะเป็นไปได้ ต้องเป็นผู้ฉลาดรอบรู้ความลึกซึ้งเรื่องกิจที่ทรงบัญญัติเป็นศีลสิกขาบท คัมภีร์อรรถกถาสายนี้จึงต้องศึกษาทุกส่วนของคัมภีร์พระวินัยปิฎก
ส่วนอรรถกถาสาย กังขาวิตรณี อาศัยศีลหมวด 2 คือ อาทิพรหมจริยกศีล ที่เป็นความประพฤติเบื้องต้นของมรรคพรหมจรรย์ กับ อภิสมาจาริยกศีล ที่เป็นความประพฤติดีงามยิ่ง เป้าหมายของศีลหมวดนี้ คือ ความเป็นผู้มีศีลหมดจด ซึ่งจะเป็นไปได้ ต้องเป็นผู้ฉลาดรอบรู้เรืองประเภทของศีลที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดที่ทรงบัญญัติเป็นศีลสิกขาบท คัมภีร์อรรถกถาสายนี้ จึงศึกษาเฉพาะสิกขาบทและธรมที่เกี่วข้องกับสิกขาบท มี ลักษณะ 17 ประการที่เป็นคุณสมบัติประจำแต่ละสิกขา เช่น สมุฏฐานศรีษะ 13 รูปแบบ(รูปแบบการต้องอาบัติที่พึงเกิดได้ 13 รูปแบบ ทั้งๆที่ช่องทางการต้องอาบัติมี 6 ช่องทาง) ตัวอย่างเค้าโครงเนื้อหาพระอรรถกถาจารย์สายนี้ ก็เช่นคัมภีร์ ขุททสิกขา ซึ่งมี 50 นิทเทส(เรื่อง) 472 หัวข้อ ดังนี้ :-
1. ปาราชิกนิทเทส มี 18 หัวข้อ
2. สังฆาทิเสสนิทเทส มี 11 หัวข้อ
3. จีวรนิทเทส มี 28 หัวข้อ
4. รชนนิทเทส มี 2 หัวข้อ
5. ปัตตนิทเทส มี 11 หัวข้อ
6. ถาลกนิทเทส มี 2 หัวข้อ
7. ปวารณานิทเทส มี 11 ข้อหัว
8. กาลิกนิทเทส มี 22 หัวข้อ
9. ปฏิคคาหนิทเทส มี 7 หัวข้อ
10. อกัปปิยมังสนิทเนส มี 3 หัวข้อ
11. นิสสัคคียนิทเทส มี 5 หัวข้อ
12. ปาจิตตียนิทเทส มี 4 หัวข้อ
13. สมณกัปปนิทเทส มี 11 หัวข้อ
14. ภูมินิทเทส มี 9 หัวข้อ
15. อุปัชฌาจริยวัตตนิทเทส มี 11 หัวข้อ
16. วัจจปัสสาวัฏฐานิกนิทเทส มี 5 หัวข้อ
17. อาปุจกรณนิทเทส มี 5 หัวข้อ
18. นิคคนิทเทส มี 2 หัวข้อ
19. นหานกัปปนิทเทส มี 4 หัวข้อ
20. อวันทิยนิทเทส มี 1 หัวข้อ
21. จัมมนิทเทส มี 2 หัวข้อ
22. อุปาหนนิทเทส มี 6 หัวข้อ
23. อโนโลกิยนิทเทส มี 1 หัวข้อ
24. อัญชนีนิทเทส มี 5 หัวข้อ
25. อกัปปิยสยนนิทเทส มี 8 หัวข้อ
26. สมานาสนิกนิทเทส มี 3 หัวข้อ
27. อสังสาสิกนิทเทส มี 1 หัวข้อ
28. กัมมนิทเทส มี 10 หัวข้อ
29. มิจฉาชีววิวัชชนานิทเทส มี 4 หัวข้อ
30. วัตตนิทเทส มี 8 หัวข้อ
31. วิกัปปนานิทเทส มี 9 หัวข้อ
32. นิสสยนิทเทส มี 5 หัวข้อ
33. กายพันธนนิทเทส มี 6 หัวข้อ
34. ปถวีนิทเทส มี 17 หัวข้อ
35. ปริกขารนิทเทส มี 15 หัวข้อ
36. เภสัชชนิทเทส มี 7 หัวข้อ
37. อุคคหนิทเทส มี 16 หัวข้อ
38. กุลทูสนนิทเทส มี 12 หัวข้อ
39. วัสสูปนายิกนิทเทส มี 13 หัวข้อ
40. อเวภังคิยนิทเทส มี 13 หัวข้อ
41. ปกิณณกนิทเทส มี 47 หัวข้อ
42. เทสนานิทเทส มี 17 หัวข้อ
43. ฉันททานนิทเทส มี 11 หัวข้อ
44. อุโปสถนิทเทส มี 23 หัวข้อ
45. ปวารณานิทเทส มี 20 หัวข้อ
46. สังวรนิทเทส มี 2 หัวข้อ
47. สุทธินิทเทส มี 4 หัวข้อ
48. สันโตสนิทเทส มี 2 หัวข้อ
49. จตุรารักขนิทเทส มี 10 หัวข้อ
50. วิปัสสนานิทเทส มี 2 หัวข้อ
จากเนื้อหา นอกจากท่านผู้ศึกษาจะได้ความรู้นัยปริยัติแล้ว ท่านยังจะได้นัยปฏิบัติด้วย เพราะเค้าโครงสรุปรวมศูนย์ที่จตุปาริสุทธิศีล 4 และธรรมที่เกื้อต่อจตุปาริสุทธิศีล 4 อันเป็นปัจจัยส่งผลดีให้แก่การเจริญวิปัสสนา ซึ่งมีเค้าโครงคัมภีร์ปรากฏดังนี้ :-
1. นิทเทสที่ 1-45 เป็นปาติโมกขสังวรศีล ประกอบด้วยหัวข้อที่กล่าวเป็นคาถาที่ 1-452
2. นิทเทสที่ 46-48 เป็นอินทริยสังวรศีล,อาชีวปาริสุทธิศีล,ปัจจยสันนิสิตศีล ประกอบด้วยหัวข้อที่กล่าวเป็นคาถาที่ล 453-460
3. นิทเทสที่ 49 เป็นสัพพัตถกรรมฐานที่เกื้อกูลทั้งสุกขวิปัสสกและสมถยานิก ประกอบด้วยหัวข้อที่กล่าวเป็นคาถาที่ 461-470
4. นิทเทสที่ 50 เป็นวิปัสสนาล้วน ที่เกิดทท์จากนิทเทสที่ 1-49 เป็นปัจจัย ประกอบด้วยหัวข้อที่กล่าวเป็นคาถา แต่กระชับรัดกุม เพราะเค้าโครงแบ่งเป็นตอน(ปริจเฉท) เป็นเรื่อง(นิทเทส) แล้วย่อยเป็นส่วนๆอีกที่ ทำให้สะดวกง่ายต่อการศึกษา
ตัดความสงสัย สับสน คลุมเครือได้เป็นปลิดทิ้ง
และเพื่อให้ง่ายต่อความทรงจำ คัมภีร์ประเภทนี้จึงนิยมรจนาเป็นปัชชะ(คาถา) มีจุณณิยะปนบ้างตามสมควร ผู้รจนาคัมภีร์ขุททสิกขานี้ คือพระสัทธัมมสิริเถระชาวลังกา ประมาณปี พ.ศ.893 เพราะมีเค้าโครงและมีองค์ประกอบดังกล่าวนั้นเอง คัมภีร์นี้จึงนิยมศึกษากันมา ตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ไม่เว้นแม้นแต่ไทยเรา สังเกตุได้จากคัมภีร์นี้มีจารเป็นอักษรโบราณครบทุกอักษร แต่จารเป็นอักษรขอมเป็นส่วนใหญ่ มาเลิกศึกษากันพร้อมกับคัมภีร์มูลกัจจานะ(บาฬีใหญ่)
ดังนั้นผู้ประสงค์จะมีความรอบรู้พระวินัยปิฎกให้รอบด้าน พึงศึกษาคัมภีร์ทั้ง 2 สายนี้เถิด
การจัดแบ่งคัมภีร์พระวินัยปิฎก นิยมจัดแบ่งเป็น 4 รูปแบบ ดังนี้
รูปแบบที่ 1. แบ่งเป็น 5 คัมภีร์ ประกอบด้วย
1.มหาวิภังค์ หรือภิกขุวิภังค์ ว่าด้วยสิกขาบท หรือศีลของภิกษุ 227 ข้อที่มาในพระปาติโมกข์
2.ภิกขุนีวิภังค์ ว่าด้วยสิกขาบท หรือศีลของภิกษุณี 311 ข้อ ที่มาในพระปาติโมกข์
3.มหาวรรค ว่าด้วยสิกขาบทอื่นๆ ที่มานอกพระปาติโมกข์
4.จุลวรรค ว่าด้วยสิกขาบทอื่นๆที่มานอกพระปาติโมกข์
5.ปริวาร ว่าด้วยคำถามคำตอบสำหรับซักซ้อมความรู้เรื่องพระวินัย ซึ่งเป็นการทบทวนเนื้อหาของสี่คัมภีร์แรก
รูปแบบที่ 2. แบ่งเป็น 5 คัมภีร์ โดยใช้อักษรย่อว่า " อา ปา ม จุ ป " กล่าวคือ อา=อาทิกัมมิกะ(ปาราชิก) ว่าด้วยปาราชิกสิกขาบทถึงอนิยต, ปา=ปาจิตตีย์ ว่าด้วยนิสสัคคิยปาจิตตีย์ถึงเสขิยะ รวมทั้งของภิกษุและภิกษุณี, ม=มหาวรรค, จุ=จุลวรรค, ป=ปริวาร
รูปแบบที่ 3. แบ่งเป็น 5 คัมภีร์ โดยใช้อักษรย่ออีกแบบหนึ่งว่า " ปา ปา ม จุ ป " กล่าวคือ ปา=ปาราชิก, ปา=ปาจิตตีย์, ม=มหาวรรค, จุ=จุลวรรค, ป=ปริวาร
รูปแบบที่ 4 แบ่งเป็น 3 หมวด ประกอบด้วย
1.สุตตวิภังค์ ว่าด้วยมหาวิภังค์ หรือภิกขุวิภังค์ และภิกขุนีวิภังค์
2.ขันธกะ ว่าด้วยมหาวรรคและจุลวรรค
3.ปริวาร
[full-post]
แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ