มาตุคามกับการประเคน

-----------------------

มีหลายคนที่เข้าใจผิด คิดว่า “มาตุคาม” แปลว่า “บ้านแม่” (มาตุ = แม่, คาม = บ้าน) หรือ “แผ่นดินแม่” หรือ “บ้านเกิดเมืองนอน” 

แบบนั้นเป็นความหมายของคำว่า “มาตุภูมิ” 

ไม่ใช่ “มาตุคาม”

.........................................................

มาตุคาม

 น. ผู้หญิง, เพศหญิง, (เป็นคำที่พระใช้เรียกผู้หญิง). (ป.).

ที่มา: พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ 

.........................................................

“มาตุคาม” หมายถึง ผู้หญิง, เพศหญิง มักใช้ในเมื่อกล่าวถึงธรรมชาติธรรมดาของเพศหญิง 

อาบัติ“สังฆาทิเสส” มี ๑๓ ข้อ ล่วงละเมิดเข้าแล้วยังไม่ขาดจากความเป็นพระ แต่ต้องไปผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “เข้ากรรม” จึงจะกลับเป็นพระที่บริสุทธิ์ได้เหมือนเดิม

๑ ใน ๑๓ ข้อ และเป็นข้อที่ ๑ หนังสือ “นวโกวาท” หลักสูตรนักธรรมชั้นตรีว่าไว้ดังนี้ 

.........................................................

ภิกษุมีความกำหนัดอยู่ จับต้องกายหญิง ต้องสังฆาทิเสส

.........................................................

คำว่า “หญิง” ในที่นี้ต้นฉบับบาลีในพระวินัยปิฎก (เตรสกัณฑ์ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๑ พระไตรปิฎกเล่ม ๑ ข้อ ๓๗๗) ใช้คำว่า “มาตุคาม”

และพระไตรปิฎกจำกัดความคำว่า “มาตุคาม” ไว้ดังนี้ -

.........................................................

มาตุคาโม  นาม  มนุสฺสิตฺถี  น  ยกฺขี  น  เปตี  น  ติรจฺฉานคตา  อนฺตมโส  ตทหุชาตาปิ  ทาริกา  ปเคว  มหนฺตตรี.

ที่ชื่อว่า มาตุคาม ได้แก่หญิงมนุษย์ ไม่ใช่หญิงยักษ์ ไม่ใช่หญิงเปรต ไม่ใช่สัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย โดยที่สุดแม้เด็กหญิงที่เกิดในวันนั้น ไม่ต้องพูดหญิงผู้ใหญ่

ที่มา: เตรสกัณฑ์ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๑ พระไตรปิฎกเล่ม ๑ ข้อ ๓๗๘

.........................................................

นี่เป็นคำจำกัดความตามลีลาของภาษากฎหมาย คือต้องชัดเจน ดิ้นไม่ได้

………………………………………..

เงื่อนไขในการต้องอาบัติสังฆาทิเสสข้อนี้ขึ้นอยู่กับความกำหนัด คือเกิดอารมณ์ทางเพศ 

พระถูกตัวผู้หญิงเพราะเกิดอารมณ์ทางเพศ จึงจะเป็นอาบัติสังฆาทิเสส

ถ้าไม่มีอารมณ์ทางเพศ แต่ถูกตัวด้วยกรณีอื่น ๆ ไม่เป็นเป็นอาบัติสังฆาทิเสส

โปรดสังเกตภาษา “ไม่เป็นเป็นอาบัติสังฆาทิเสส” นะครับ

ไม่ได้บอกว่า “ไม่เป็นเป็นอาบัติ” หรือไม่มีความผิด

พระจับต้องตัวผู้หญิง แม้จะไม่เกิดอารมณ์ทางเพศก็ยังมีความผิดอยู่นั่นเอง เพียงแต่ความผิดนั้นไม่ถึงขั้นสังฆาทิเสส

ความกำหนัดเป็นอาการภายใน พิสูจน์ทราบได้ยาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหายุ่งยาก พระไทยจึงมีมาตรการเข้มงวดหลีกเลี่ยงผู้หญิงโดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ เป็นการปฏิบัติตามพระพุทธพจน์ในมหาปรินิพพานสูตรที่ตรัสแก่พระอานนท์ถึงวิธีปฏิบัติต่อมาตุคามเป็นหลักการใหญ่ ดังนี้ 

.........................................................

กถํ  มยํ  ภนฺเต  มาตุคาเม  ปฏิปชฺชามาติ  ฯ

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์จะปฏิบัติในมาตุคามอย่างไร

อทสฺสนํ  อานนฺทาติ  ฯ

ไม่มอง อานนท์

ทสฺสเน  ภควา  สติ  กถํ  ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ  ฯ

เมื่อต้องมอง จะพึงปฏิบัติอย่างไร

อนาลาโป  อานนฺทาติ  ฯ

ไม่พูดด้วย อานนท์

อาลปนฺเต  ภนฺเต  กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ  ฯ

เมื่อต้องพูด จะพึงปฏิบัติอย่างไร

สติ อานนฺท  อุปฏฺฐาเปตพฺพาติ  ฯ

ตั้งสติไว้ อานนท์

ที่มา: มหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๐ ข้อ ๑๓๒

.........................................................

มาตรการหลีกเลี่ยงผู้หญิงอนุวัติตามพระพุทธพจน์นี้ พูดให้เห็นภาพว่า-หลบได้หลบ หลีกได้หลีก เอ็งมาซ้าย ข้าไปขวา เอ็งมาหน้า ข้าไปหลัง

จำเป็นจริงๆ ก็มีฉนวนกันไฟฟ้าลัดวงจร-เช่น พระไทยไม่รับของจากมือสตรีโดยตรง ต้องมีผ้ารองรับ

ตรงนี้รู้ไว้เป็นหลักสักนิดนะครับว่า องค์แห่งการประเคนในพระวินัย กำหนดว่า รับประคนด้วยกายก็ได้ ด้วยของเนื่องด้วยกายก็ได้

ถอดความเป็นการปฏิบัติคือ ผู้หญิงส่งของให้พระ พระเอามือรับตรง ๆ ก็ได้ เอาผ้ารอง จับผ้าไว้ แล้วให้วางบนผ้าก็ได้

แต่จารีตของพระสงฆ์ไทย สละสิทธิ์ที่จะรับด้วยกาย ผู้หญิงประเคนของหรือส่งของให้พระ ท่านให้พระรับด้วยของเนื่องด้วยกาย ที่ทำกันทั่วไปคือ เอาผ้ารอง จับผ้าไว้ แล้วให้วางบนผ้า

ห้ามรับจากมือผู้หญิงตรง ๆ

..................

เมื่อ ๗๐ ปีมาแล้ว ผู้หญิงบ้านนอก อ่านหนังสือไม่ออก แต่รู้จารีตข้อนี้ทั่วกันและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 

.........................................................

ผู้หญิงประเคนของให้พระ พระท่านเผลอจะเอามือรับตรง ๆ ผู้หญิงหดมือชักของกลับ บอกพระเสียงดังลั่นว่า ท่าน! เอาผ้ารอง! 

ผมเป็นเด็กวัด อยู่ในที่เกิดเหตุ ยืนยันได้

.........................................................

เดี๋ยวนี้ ผู้หญิงในเมือง จบปริญญา ส่งของให้พระ ยื่นให้ดื้อ ๆ พระเอามือรับ (จะเผลอหรือตั้งใจก็ไม่รู้) ก็ให้รับเอาตรง ๆ ไม่รู้สึกรู้สาอะไร

นานมาแล้ว เคยได้ยินพระไทยพูดด้วยความคะนองว่า-ผู้หญิงประเคน รับจากมือไปเลย ไม่ผิด ดูแต่พระพม่าเขายังรับจากมือได้เลย

ฟังแล้วคันปาก ถวายคำแนะนำอยู่ในใจว่า-นิมนต์ไปบวชใหม่ที่พม่าเถอะขอรับ

แต่ที่ถวายไปจริงๆ คือ-เมื่อยังอยู่ในคณะสงฆ์ไทย ต้องปฏิบัติตามจารีตไทยขอรับ

……………….

และอีกประการหนึ่ง หลักเรื่องวัตถุอนามาส-คือสิ่งที่พระไม่ควรจับต้อง ท่านก็ระบุไว้ชัดว่า -

.........................................................

น  เกวลญฺจ  มาตุคามสฺส  สรีรเมว  อนามาสํ  นิวาสนปารุปนมฺปิ  อาภรณภณฺฑมฺปิ  …   อนามาสเมว  ฯ

มิใช่แต่ร่างกายของมาตุคามอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นอนามาส แม้ผ้านุ่งผ้าห่มก็ดี สิ่งของเครื่องประดับก็ดี (ของมาตุคาม) … ก็เป็นอนามาสทั้งนั้น

ที่มา: สมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัย ภาค ๒ หน้า ๓๘

.........................................................

สรุปเป็นหลักปฏิบัติก็คือ การถูกตัวผู้หญิง พระไทยป้องกันตัวเต็มที่ และในเมื่อท่านจำกัดความ “ผู้หญิง” ไว้ว่า “โดยที่สุดแม้เด็กหญิงที่เกิดในวันนั้น” ดังนั้น จะเป็นเด็กหรือเป็นคนใหญ่ จะกำหนัดหรือไม่กำหนัด หลีกเลี่ยงไว้ก่อนดีที่สุด

แถมอีกหน่อย 

เคยได้ยินสุภาพสตรีสมัยใหม่พูดถึง “ถูกตัว” ว่า “พระห้ามไม่ให้ผู้หญิงถูกตัว” 

โปรดทราบว่า พูดผิดนะครับ 

พระไม่มีอำนาจที่จะไปห้ามใคร ๆ ได้ - รวมทั้งห้ามผู้หญิงมาถูกตัวพระ

แต่พระมีอำนาจที่จะห้ามตัวพระเองไม่ให้ถูกตัวผู้หญิงได้ และต้องห้ามด้วย-ตามพระวินัย

กรุณาฟังให้ถูกและเอาไปถ่ายทอดให้ถูกด้วย-จะขออนุโมทนาอย่างยิ่ง

------------------

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา

๓๑ มกราคม ๒๕๖๗

๑๕:๐๒ 

[full-post]

ปกิณกธรรม,มาตุคาม,การประเคน,

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.