บริการรับส่งความคิด
--------------------
ถ้าพูดถึงการระดมความคิด ภาพที่เราคุ้นตากันก็คือ มีใครหรือหน่วยงานอะไรสักอย่างลุกออกมาจากจัดการประชุมสัมมนาเพื่อระดมความคิดในการแก้ปัญหาหรือการพัฒนาเรื่องนั้นเรื่องนี้
กำหนดสถานที่ กำหนดวันเวลา กำหนดตัวบุคคลที่เป็นผู้นำในการสัมมนา กำหนดรายละเอียดทางธุรการนั่นนี่โน่น
ที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ-งบประมาณในการจัดสัมมนา
ถ้าไม่มีงบประมาณ ก็จัดไม่ได้
...........................
วิธีระดมความคิดแบบที่ว่านี้ สมัยหนึ่งนิยมทำกันเสมอ ปัญหาก็คือ ประชาชนที่อยากจะช่วยกันคิดก็จะต้องเหนื่อยมากหน่อย เช่นจะต้องออกจากบ้านเดินทางไปยังสถานที่จัดสัมมนาหรือจัดเสวนากัน
ถ้าจัดที่กรุงเทพฯ คนอยู่เชียงรายหรือสุไหงโก-ลกก็คงยิ่งต้องเหนื่อยมากขึ้นในการที่จะ “ช่วยกันคิด” เพราะอยู่ไกล
คนอยู่ราชบุรีอย่างผม ถ้าอยากช่วยกันคิดกับเขาด้วย ก็คงต้องเหนื่อยเหมือนกัน เพราะก็ต้องเข้ากรุงเทพฯ
ผมว่าคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ เอง ก็ต้องเหนื่อยอยู่นั่นเอง เพราะถึงอย่างไรก็ต้อง “ถ่อ” ไปถึงที่ใดที่หนึ่งอยู่นั่นเอง
และแม้แต่คนที่พักอยู่ใกล้ ๆ กับสถานที่จัดสัมมนานั่นเลยก็เถอะ จะสะดวก จะมีเวลา หรือจะมีสิทธิ์เข้าไปช่วยกันคิดในห้องเสวนาหรือเปล่าก็ไม่รู้
นี่ผมก็เล่นสำนวนให้กวนอารมณ์ไปอย่างนั้นเองแหละครับ เพราะท่านย่อมว่า จะทำอะไร ถ้าใจรักละก็ถึงไหนก็ถึงกัน ต่อให้ไปจัดสัมมนา-เสวนาที่โลกพระจันทร์ก็ต้องมีคนไป
ผมเพียงแต่อยากจะช่วยคิดตั้งแต่ปากทางเข้าไปเลย
นั่นคือ ทำอย่างไรคนที่นุ่งผ้าขาวม้านอนอยู่กับบ้านก็สามารถช่วยกันคิดอ่านปัญหาของบ้านเมืองได้อย่างสบาย ๆ
ไม่ใช่พูดเล่นนะครับ พูดเอาจริง
เรากำลังระดมความคิดกันอยู่ใช่ไหมครับ
เพราะฉะนั้น ตัวคนคิดจะเป็นใครอยู่ที่ไหนไม่สำคัญ
สำคัญที่เราจะเอาความคิดของเขา
ผมว่าเราก็ต้องหาวิธีการตรง ๆ กันตรงนี้-คือตรงที่ทำอย่างไรจึงจะได้ความคิดของเขามา ทั้ง ๆ ที่ตัวเจ้าของความคิดนั้นกำลังนุ่งผ้าขาวม้านอนอยู่กับบ้านนั่นแหละ ไม่ต้องให้ใครถ่อไปถึงไหนทั้งนั้น
ยกตัวอย่างเช่น ผมมีความคิด คิดแล้วผมก็ไม่ต้องลำบากอะไรเลย เพียงแต่เขียนความคิดลงไปทางเฟซบุ๊กนี่แหละ
เขียนเสร็จสักพักเดียวเท่านั้นก็จะมีคนมาเก็บความคิดที่ผมเขียนนี้ไปส่งให้ถึงหูถึงตาถึงใจของผู้มีอำนาจในการปฏิบัติทันที
แบบนี้ มีวิธีทำได้ไหมครับ?
ผมว่าในโลกยุคไฮเทคเช่นนี้ รอความคิดจากห้องเสวนาหรือจากศูนย์ประชุมที่ไหน ๆ ก็ช้าไป
แม้แต่รอให้ประชาชนเขียนจดหมายแสดงความคิดเห็นใส่ตู้ไปรษณีย์ส่งไปที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ล้าสมัยไปแล้ว
อยากให้ประชาชนช่วยคิด อยากได้ความคิดของประชาชน ต้องมีทีมตระเวนเก็บความคิดจากบ้านของประชาชนนั่นเลย
นุ่งผ้าขาวม้านั่งกดปุ่มอยู่กับบ้าน ความคิดเห็นของท่านก็ถึงมือผู้มีอำนาจทันที
...........................
และถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริง เวลานี้เราก็มีสนามความคิดอยู่แล้วมากมาย-เช่นเฟซบุ๊กนี่เป็นต้น-มีคนเสนอความคิดกันอยู่ตลอดเวลา
เอาเข้าจริง สิ่งที่เราขาดแคลนไม่ใช่ตัวความคิดหรอกครับ
แต่เราขัดข้องที่กระบวนขั้นตอนในการสื่อความคิดไปให้ถึงผู้มีอำนาจนั่นต่างหาก
คือเรายังขาดบริการตระเวนเก็บความคิดนำส่งให้ถึงผู้มีอำนาจ
ความคิดดี ๆ ละลายไปกับสายลม
(แต่ความคิดโสมมเอาไปปฏิบัติกันอย่างขมีขมัน)
นำส่งแล้วยังจะต้องฝ่าด่านผ่านโต๊ะอีกหลายชั้นกว่าจะเข้าถึงหูถึงตาจริง ๆ
ถึงหูถึงตาแล้วใช่ว่าจะสำเร็จ เพราะยังจะต้องให้โดนใจจัง ๆ อีกด้วย
ความจริงอันเจ็บปวดอีกอย่างหนึ่งที่จะต้องไม่ลืมก็คือ -
...........................
ในสังคมบ้านเรา (หรืออาจจะรวมไปถึงสังคมทั่วโลก)
สถานะของคนคิด สำคัญกว่าสิ่งที่เขาคิดเสมอ
นั่นคือเราจะไม่ถามหรอกว่า คิดอะไร
แต่เราจะถามกันว่า ใครเป็นคนคิด
...........................
แล้วก็-ใครเคยสังเกตบ้างไหมครับว่า ใครที่ว่ามีความคิดเฉียบแหลม ลึกซึ้ง หรือมีความประพฤติดีปฏิบัติชอบอย่างยิ่ง มักจะไม่ได้ลงไปปฏิบัติการภาคสนาม
แล้วก็ที่น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งก็คือ ผู้มีอำนาจท่านต้องการฟังความคิดของประชาชนจริง ๆ หรือว่าอันที่จริงท่านมีชุดความคิดสำเร็จรูปของท่านอยู่แล้ว
ท่านผู้ใดใครผู้หนึ่งสามารถจะเปิดบริการนำคำถามหรือความคิดของผมนี่ไปส่งให้ท่านผู้มีอำนาจในบ้านเมืองได้บ้างครับ?
เรายังขาดบริการด้านนี้อยู่
-----------------------------
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา
๓๐ มกราคม ๒๕๖๗
๑๙:๑๓
[full-post]
แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ