วัดดีต้องมีครบห้าหอ (๖)-จบ
.........................................................
หอทั้ง ๕ ที่วัดจะต้องมีคือ
๑ หอฉัน
๒ หอสวดมนต์
๓ หอระฆัง
๔ หอกลอง
๕ หอไตร
.........................................................
หอทั้ง ๕ หอดังกล่าวมานี้ ต้องเป็นหอที่มีชีวิตจริง ไม่ใช่หอที่สร้างไว้หรือมีไว้เพียงเพื่อเอาไว้ชี้ชวนให้กันดู
หอฉัน ก็มีพระเณรมานั่งฉันที่นั่นเป็นชีวิตประจำวันจริง ๆ ไม่ใช่มีแต่ตัวอาคารสถานที่เอาไว้ชี้ให้กันดูว่า ตรงนี้เขาเรียกว่าหอฉัน
หอสวดมนต์ ก็มีพระภิกษุสามเณรมาทำวัตรสวดมนต์เช้า-เย็นทุกวันจริง ๆ ไม่ใช่มีแต่ตัวอาคารสถานที่เอาไว้ชี้ให้กันดูว่า ตรงนี้เขาเรียกว่าหอสวดมนต์
หอระฆัง ก็ต้องตีระฆังเป็นสัญญาณบอกเวลาทำกิจประจำวันของพระเณรจริง ๆ ตีทุกวันตามเวลา ไม่ใช่มีแต่หอ มีระฆังแขวนไว้ แต่ไม่เคยตีเลย
หอกลอง ก็ต้องตีกลองเพลทุกวันจริง ๆ ตีจนเป็นที่รู้กันว่าว่าวัดนี้ตีกลองเพลทุกวัน ไม่ใช่มีแต่กลองแขวนไว้ดูเล่น แต่ไม่เคยตี
หอไตร ก็ต้องเป็นสถานที่เก็บรักษาพระไตรปิฎกและมีการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยพระไตรปิฎกเป็นกิจวัตรประจำวันกันจริง ๆ พระเณร-รวมทั้งชาวบ้านมาเรียนกันทุกวันจริง ๆ ไม่ใช่มีแต่ตัวอาคารที่สร้างไว้กลางน้ำเอาไว้ชี้ชวนให้กันดูว่า นั่นเขาเรียกว่าหอไตร แต่มีใครเรียนพระไตรปิฎกจริง ๆ
และโปรดระลึกว่า หอทั้งห้านี้นอกจากจะใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันจริง ๆ แล้ว ยังใช้เป็นสัญลักษณ์ประกาศความเป็นแผ่นดินพระพุทธศาสนาอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น -
หอระฆัง-ตีระฆังบอกเวลาทำวัตรเช้า-เย็น
หอกลอง-ตีกลองเพลบอกเวลาพระเณรฉันเพลทุกวัน
ถ้ามองกันแค่เป็นอุปกรณ์บอกเวลา การตีระฆัง-ตีกลองเพลก็แทบจะไม่จำเป็นอะไร ทุกวันนี้เรามีนาฬิกาอยู่ทุกวัดทุกบ้านและแทบจะทุกหนทุกแห่ง เรามีโทรศัพท์บอกเวลาติดตัวกันอยู่แล้วทุกคน ไม่จำเป็นต้องพึ่งเสียงระฆังเสียงกลองเพล
แต่เสียงระฆัง+เสียงกลองเพล มีความหมายมากกว่าเป็นสัญญาณบอกเวลา
.........................................................
เสียงระฆัง+เสียงกลองเพล เป็นเสียงที่ประกาศย้ำเตือนให้โลกรู้ว่า ที่นี่-แผ่นดินไทย! ที่นี่คือแผ่นดินพระพุทธศาสนา!!
เสียงระฆัง+เสียงกลองเพล จึงเป็นเสียงที่ควรจะต้องดังออกมาจากทุกวัด-ทุกวัน และทุกวัดควรจะต้องรักษาเสียงระฆัง+เสียงกลองเพลไว้ให้ชาวบ้านได้ยินอยู่ทุกวันตลอดไป
.........................................................
ขอฝากแนวคิด-วัดดีต้องมีครบห้าหอ ถวายแด่พระเดชพระคุณท่านเจ้าอาวาสทุกวัด ด้วยความเคารพยิ่ง
หอทั้งห้าเหล่านี้มีอยู่แล้วในวัดทุกวัด บางวัดบางหอยังมีชีวิตอยู่ บางวัดบางหอก็ซบเซาไม่มีใครเอาใจใส่
ในฐานะเจ้าอาวาส พระเดชพระคุณมีอำนาจที่จะชุบชีวิตหอทั้งห้าให้ฟื้นคืนมาได้อย่างเต็มที่
อุปสรรคอันเป็นประดุจภูเขาหิมาลัยที่ขวางหน้าอยู่ก็คือ แนวความคิดหรือทัศนคติที่ว่า -
.........................................................
๑ ยุคสมัยเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไป ความคิดจิตใจของผู้คนเปลี่ยนไป จะทำอะไรให้เหมือนสมัยก่อนไม่ได้อีกแล้ว
๒ เนื้อตัวแท้ ๆ ของพระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่หอทั้งห้า แม้ไม่มีหอทั้งห้า พระพุทธศาสนาก็ดำรงอยู่และดำเนินไปได้ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปชุบชีวิตหอไหน ๆ ทั้งสิ้น
.........................................................
ถ้ามีผู้ลากภูเขาสองลูกนี้มาขวางทางไว้
พระเดชพระคุณคิดว่าจะทำประการใด
ยอมสยบให้กับแนวคิดแบบนั้น?
หรือพยายามฝ่าฟันก้าวข้ามไปให้จงได้?
แต่ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าพระเดชพระคุณเป็นผู้ลากภูเขาสองลูกนี้มาขวางทางตัวเองไว้เอง --
กระผมก็ยังคิดไม่ออกว่า-จะทำประการใดดี!?!?
---------------
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา
๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
๑๑:๐๖
[full-post]
แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ