การศึกษาเพื่อใช้งาน (๔)-จบ

---------------------

บาลีคือภาษาชนิดหนึ่งในจำพวกภาษาที่มนุษย์ใช้สื่อสารกัน 

ผู้นำพระพุทธศาสนาเลือกใช้ภาษาบาลีเป็นภาษาบันทึกพระพุทธพจน์ มีสูตรบอกความหมายว่า “พุทฺธวจนํ ปาเลตีติ ปาลิ = บาลีคือภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์ไว้” 

พระพุทธพจน์คืออะไร? 

พระพุทธพจน์คือคำของพระพุทธเจ้า 

คือพระธรรมวินัย 

คือตัวพระพุทธศาสนา

พระพุทธศาสนาที่ชาวโลกนับถือกันอยู่ทุกวันนี้นี่แหละ คือพระพุทธพจน์

บาลีคือภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์ไว้ ก็คือบาลีคือภาษาที่รักษาพระพุทธศาสนาไว้

และข้อเท็จจริงที่ประจักษ์และต้องเข้าใจไว้ด้วยก็คือ แหล่งที่ใช้ภาษาบาลีมีแห่งเดียวในโลก คือพระไตรปิฎก

พระไตรปิฎกคืออะไร?

ขอนำคำอธิบายตอนหนึ่งจากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต มาเสนอในที่นี้เพื่อเป็นคำตอบ

.........................................................

ไตรปิฎก : “ปิฎกสาม”; ปิฎก แปลตามศัพท์อย่างพื้น ๆ ว่า กระจาดหรือตะกร้าอันเป็นภาชนะสำหรับใส่รวมของต่าง ๆ เข้าไว้ นำมาใช้ในความหมายว่า เป็นที่รวบรวมคำสอนในพระพุทธศาสนาที่จัดเป็นหมวดหมู่แล้ว โดยนัยนี้ ไตรปิฎก จึงแปลว่า “คัมภีร์ที่บรรจุพุทธพจน์ (และเรื่องราวชั้นเดิมของพระพุทธศาสนา) ๓ ชุด” หรือ “ประมวลแห่งคัมภีร์ที่รวบรวมพระธรรมวินัย ๓ หมวด” กล่าวคือ วินัยปิฎก สุตตันตปิฎก และ อภิธรรมปิฎก

พระไตรปิฎกบาลีได้รับการตีพิมพ์เป็นเล่มหนังสือด้วยอักษรไทยครั้งแรกในรัชกาลที่ ๕ เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ เสร็จและฉลองพร้อมกับงานรัชดาภิเษกใน พ.ศ. ๒๔๓๖ แต่ยังมีเพียง ๓๙ เล่ม (ขาดคัมภีร์ปัฏฐาน) ต่อมา พ.ศ. ๒๔๖๘ ในรัชกาลที่ ๗ ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์ใหม่เป็นฉบับที่สมบูรณ์ เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่รัชกาลที่ ๖ เรียกว่า สฺยามรฏฺฐสฺส เตปิฏกํ (พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ) มีจำนวนจบละ ๔๕ เล่ม

.........................................................

พึงทราบต่อไปว่า พระไตรปิฎกไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทย 

ประเทศอื่น ๆ ก็มีพระไตรปิฎก 

ภาษาบาลีเป็นภาษาที่ไม่มีตัวอักษรประจำภาษา ชาติไหนเรียนภาษาบาลี ก็เขียนภาษาบาลีเป็นตัวอักษรของชาตินั้น อย่างไทยเราเรียนบาลีก็เขียนภาษาบาลีเป็นตัวอักษรไทย (ชั้นเดิมเขียนเป็นตัวอักษรขอม) พระไตรปิฎกที่มีอยู่ในประเทศต่าง ๆ ก็เขียนเป็นตัวอักษรของชาตินั้น ๆ แต่ภาษาก็ยังคงเป็นภาษาบาลี นี่คือต้องเข้าใจด้วยว่า ภาษากับตัวอักษรต่างกันอย่างไร

เมื่อภาษาบาลีเป็นภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์ คือรักษาพระพุทธศาสนา การเรียนบาลีก็จึงหมายถึงการเรียนวิธีรักษาพระพุทธศาสนานั่นเอง 

รักษาพระพุทธศาสนาด้วยวิธีเรียนบาลี จึงทำได้ด้วยการลงมือทำ นั่นคือเอาความรู้บาลีไปใช้งาน 

เอาความรู้บาลีไปใช้งานคือทำอะไร? 

ก็คือการเอาความรู้บาลีไปศึกษาพระไตรปิฎก (๑) เพื่อให้รู้เข้าใจคำสอนที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนา (๒) แล้วเอาคำสอนนั้นมาปฏิบัติขัดเกลาตนเอง (๓) แล้วบอกกล่าวคำสอนนั้นให้แพร่หลายต่อไป

ทำอย่างนี้คือที่เรียกว่า-เอาความรู้บาลีไปใช้งาน

การเรียนบาลีของเรา แต่เดิมก็คือเรียนเพื่อเอาไปใช้งานแบบนี้

คือ-เพราะต้องการจะรักษาพระพุทธศาสนาจึงเรียนบาลี

ไม่ได้เรียนเพื่อให้จบ 

ไม่ได้เรียนเพื่อให้ได้ศักดิ์และสิทธิ์ 

ไม่ได้เรียนไว้โก้ ๆ เรียนไว้ประดับเกียรติ 

หรือแม้แต่-เรียนไว้เพื่อประดับความรู้

หากแต่เรียนบาลีเพื่อเอาความรู้บาลีไปลงมือทำงานรักษาพระศาสนาจริง ๆ

การเรียนบาลีเพียงเพื่อให้สอบได้ คือเพื่อจบการศึกษา แต่ไม่ได้เอาความรู้บาลีไปใช้งาน ก็เท่ากับยังไม่ได้ลงมือรักษาพระพุทธศาสนาแต่อย่างใดเลยนั่นเอง

นี่คือที่ตั้งคำถามว่า ถ้าไม่เอาความรู้บาลีไปใช้งาน จะเรียนบาลีไปทำอะไร

จะเข้าใจเจตนาของคำถามนี้และตอบคำถามนี้ได้ จะต้องขึ้นมาจากบ่อแห่งค่านิยมการศึกษา ที่นิยมกันว่า-ศึกษาเพื่อให้จบ จบเพื่อให้ได้ศักดิ์และสิทธิ์ 

เพราะเวลานี้เรากำลังจมอยู่ในค่านิยมนี้ ยังขึ้นจากบ่อนี้ไม่ได้ และยังไม่มีใคร-แม้แต่ผู้บริหารการศึกษาของคณะสงฆ์เอง-ที่คิดจะขึ้นจากบ่อนี้!

ต้องขึ้นมาจากค่านิยมนี้และก้าวข้ามไปให้ได้ก่อน 

จึงจะเข้าใจได้ว่า การศึกษาเพื่อใช้งานคืออะไร 

เรียนบาลีเพื่อใช้งานคืออย่างไร 

และทำไมจึงต้องเรียนบาลีเพื่อใช้งาน

เมื่อใดที่เข้าใจได้

เมื่อนั้นจะเกิดฉันทะวิริยะอย่างยิ่งในการเรียนบาลีเพื่อใช้งาน

จบหรือไม่จบ เป็นเรื่องรอง

ได้ความรู้เป็นเรื่องหลัก

และเอาความรู้ไปใช้งานเป็นหัวใจ

........................

แนวคิดนี้ไม่ได้โต้แย้งหรือต่อต้านการเรียนเพื่อให้จบแต่อย่างใดทั้งสิ้น 

การเรียนบาลีเพื่อให้จบก็ยังคงทำได้เหมือนเดิม คือเรียนเพื่อให้จบ เพื่อให้ได้ศักดิ์และสิทธิ์-เหมือนกับที่กำลังทำกันอยู่ในเวลานี้

แนวคิดนี้ไม่ได้บอกให้เลิกการเรียนแบบนี้

ตรงกันข้าม แนวคิดนี้บอกให้เรียนแบบนี้ต่อไป เรียนให้หนักขึ้น

และต้องเรียนให้จบด้วย

เอาศักดิ์และสิทธิ์จากการจบบาลีมาครอบครองให้จงได้

แนวคิดนี้เพียงแต่บอกให้เข้าใจความจริงว่า -

เรียนให้จบไม่ใช่เป้าหมาย

เรียนให้จบเป็นทางที่ต้องผ่าน

และต้องผ่านไปให้ได้ด้วย

แล้วก้าวต่อไปให้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงอันเป็นหัวใจของการเรียนบาลี-นั่นคือเอาความรู้บาลีไปใช้งานจริง ๆ ด้วย

เอาความรู้บาลีไปใช้งานจริง ๆ คือทำอะไร 

บอกไว้แล้วข้างต้น

.........................................................

เรียนให้จบ ได้ประโยชน์ชาตินี้

ประโยชน์ชาตินี้ต้องเอาให้ได้

เรียนเอาไปใช้งาน ได้ประโยชน์ทุกภพทุกชาติ

ประโยชน์ทุกภพทุกชาติก็ต้องเอาให้ได้

และต้องเอาให้ได้อย่างยิ่งด้วย

เกิดมาเป็นมนุษย์

พบพระพุทธศาสนา

มีศรัทธาเลื่อมใส

บวชในพระธรรมวินัยเรียนบาลี

เอาประโยชน์ชาตินี้ไว้ได้

แต่ไม่เอาประโยชน์ทุกภพทุกชาติ

คำคนเก่าปรามาสว่า-เสียชาติเกิด

.........................................................

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา

๒๗ มีนาคม ๒๕๖๗

๑๗:๐๗

[full-post]

ปกิณกธรรม,การศึกษา,ไตรปิฎก

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.