ว่าด้วย “อุปาทานขันธ์ ๕”
“อุปาทานขันธ์ ๕” (ขันธ์ อันเป็นที่ตั้ง คือ เป็นอารมณ์ของอุปาทาน คือ โลภะ ทิฏฐิ, ได้แก่ ขันธ์ ๕ ที่ถูก โลภะ,ทิฏฐิ ยึดถือกระทำให้เป็นอารมณ์ได้)
“อุปาทานิยา ธมฺมา” ธรรมทั้งหลายที่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน (โลภะ,ทิฏฐิ) ได่แก่ โลกียจิต ๘๑, เจตสิก ๕๒, รูป ๒๘ / จัดเป็นขันธ์ ๕ โดยได้ชื่อว่า “รูปูปาทานขันธ์, เวทนูปาทานขันธ์, สัญญูปาทานขันธ์, สังขารูปาทานขันธ์, วิญญาณูปาทานขันธ์”
*ในเจตสิก ๕๒ นั้น โลภะ, ทิฏฐิ ก็อยู่ในนั้น, ซึ่ง โลภะและทิฏฐินี้ ได้ชื่อว่า “อุปาทาน” ตัวเอง เป็นอุปาทานด้วย ในขณะเดียวกัน ก็เป็นอารมณ์ของอุปาทานได้ด้วย ฯ
————
มีคำถามว่า “ขันธ์ ที่ไม่เป็นที่ตั้งแห่งอุปาทานักขันธ์ มีหรือไม่? ถ้าไม่มีก็แล้วไป แต่ถ้ามี มีเท่าไร? ขันธ์อะไรบ้าง?
————
* มีการแสดงว่า “อุปาทานขันธ์ ๕ (ขันธ์อันเป็นที่ตั้งของอุปาทาน ๕ ขันธ์)” เป็นตัวก่อให้เกิดอุปาทาน (โลภะ,ทิฏฐิ)
การแสดงเช่นนี้ เป็นการยกเอา อุปาทานขันธ์๕ คือ โลกียจิต๘๑,เจ.๕๒,รูป ๒๘ “เป็นปัจจัย” / ตัว อุปาทาน คือ โลภะ,ทิฏฐิ “เป็นปัจจยุปบัน” เป็นการพูดกว้าง ๆ ซึ่งอาจจะได้ปัจจัยหลายอย่าง เช่น เป็นปัจจัยกลุ่ม “สหชาตชาติ, อารัมมณชาติ, อนันตรชาติ, วัตถุปุเรชาตชาติ,
แต่หากแสดงตามความหมายที่ว่า “อุปาทานขันธ์ ๕” ที่ชื่อว่า “อุปาทานขันธ์” เพราะเป็นอารมณ์ของอุปาทานได้, คือ ถูกอุปาทานกระทำให้เป็นอารมณ์ได้ อย่างนี้ ตัว อุปาทานขันธ์ ๕ ก็จะเป็นปัจจัยแก่อุปาทาน (โลภะ,ทิฏฐิ) โดยความเป็นปัจจัยกลุ่ม “อารัมมณชาติ” เท่านั้น ฯ
————
*(กรรม สงเคราะห์อยู่กับ สมุทัย คือ ตัณหา (โลภะ)) เพราะจัดอยู่ในกลุ่มธรรมที่เป็นเหตุ (ปัจจัยธรรม) (นี่กล่าวโดย อริยสัจจ์ ๔)
แต่ ถ้ากล่าวโดย ปฏิจจสมุปบาท ต้องแยกออกจากกัน คือ
– กิเลส (กิเลสวัฏฏ์) ได้แก่ อวิชชา, ตัณหา, อุปาทาน,
– กัมม (กัมมวัฏฏ์) ได้แก่ สังขาร, กัมมภวะ
– วิบาก (วิปากวัฏฏ์) ได้แก่ วิญญาณ, นาม-รูป, สฬายตนะ, ผัสสะ, เวทนา
————-
คำว่า “สมุทัย” (ธรรมที่เป็นเหตุให้ทุกข์เกิดขึ้น) มี ๒ อย่าง คือ
๑) สมุทัยสัจจ์ คือ ตัณหา ๓ ได้แก่ โลภะ (เป็นสมุทัยสัจจ์ โดยตรง)
๒) สมุทัยสามัญ (สมุทัยแบบธรรมดา หรือโดยอ้อม) ได้แก่
…… – กิเลส ๙ (เว้น โลภะ) ที่ใน อกุศลจิต ๑๒
…… – อกุศลจิต ๑๒ เจตสิก ๒๗ (เว้น โลภะ)
…… – โลกียกุศลจิต ๑๗ เจตสิก ๓๘
(สัจจยมก ใน ยมกปกรณ์)
* ธรรม คือ สมุทัยสามัญนี้ ที่ชื่อว่า “สมุทัย” เพราะเป็นเหตุให้เกิด ทุกข์ (มีชาติทุกข์ เป็นต้น) เพราะ ผลของอกุศลจิต ๑๒, โลกียกุศลจิต ๑๗ เจ. ๕๑(เว้นโลภะ) ได้แก่ โลกียวิบาก ๓๒, เจตสิก ๓๕, กัมมชรูป ๒๐ ซึ่งเป็นกลุ่มธรรมที่เป็นตัวทุกข์โดยตรงในทุกขอริยสัจจ์ และความเป็น “เหตุ เป็น ผล ของกัน ระหว่าง “กิเลส+กรรม, วิบาก” เป็นการเกิดขึ้นของกองทุกข์ล้วน ๆ ดังที่ทรงตรัสว่า “เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ” ฯ //
แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ