สมเกียรติ พลเดชอุดมคุณ



สุขในโลกนี้ก็มีอยู่ ทำไมจึงว่ามีแต่ทุกข์

   ถามว่า ทำไมจึงกล่าวว่า ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นดับไป ในเมื่อธรรมที่นอกจากทุกข์ก็มีอยู่ ก็สุขเวทนาอย่างไรเล่า ช่วยตอบให้หายสงสัยด้วย

   ตอบว่า สรรพสิ่งในโลกนี้ ล้วนเกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัย มิได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่อาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นได้ ก็สิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัย หรือมีเหตุปัจจัยให้เกิดนี้ เรียกว่าสังขารธรรม หรือสังขตธรรม เมื่อกล่าวโดยปรมัตถ์ สิ่งเหล่านี้ก็คือ สภาวธรรมที่เรียกว่าจิต เรียกว่าเจตสิก และเรียกว่ารูป รวม ๓ อย่างนี้เท่านั้นที่เป็นสังขารธรรมหรือสังขตธรรม ไม่มีมากกว่านั้น ส่วนนิพพานนั้นเป็นวิสังขารธรรม หรืออสังขตธรรม เพราะไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิด จึงเป็นธรรมเหนือโลก

   ก็สังขารธรรมทุกชนิด ไม่ว่าจิต เจตสิก หรือรูป แต่ละชนิดล้วนตกอยู่ในอำนาจของไครลักษณะ คือลักษณะที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นสังสารธรรมเหล่านี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องดับไปเป็นธรรมดา ที่เกิดขึ้นแล้วเที่ยงแท้ถาวร ไม่ดับไปไม่มีเลย ก็สุขเวทนา ที่เราเห็นว่าเป็นสุขนั้น ก็ตกอยู่ในสภาพนี้ คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา เช่นเดียวกับสังขารธรรมอื่นๆ เพราะสุขเวทนาก็เป็นสังขารธรรม อาศัยความจริงที่สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นี้แหละนางวชิราภิกษุณีจึงกล่าวว่า

" ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ " (สํ.สคาถ.วชิราสูตร.๕๕๒)

   คำว่า ทุกข์ ที่นางวชิราภิกษุณีกล่าวในที่นี้ หมายถึงขันธ์ ๕ ซึ่งขันธ์ ๕ นั้นก็คือสังขารธรรมนั่นเอง เกิดขึ้นแล้ว ย่อมถึงความดับไปเป็นธรรมดา แม้สุขเวทนาก็เป็นเวทนาขันธ์ อันเป็นขันธ์หนึ่งในขันธ์ห้า จึงหนีสภาพเป็นทุกข์ไปไม่ได้ นั่นคือแม้นสุขเวทนาก็เป็นทุกข์ เพราะเหตุทนอยู่ไม่ได้ เกิดขึ้นแล้วต้องดับไปเป็นธรรมดานั่นเอง


แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.