ฆ่าตัวตาย เป็นบาปหรือไม่ ?

     การบอกว่า “ฆ่าตัวตาย” ไม่บาป เพราะองค์แห่งการฆ่า ไม่ครบ คือ “องค์ว่าด้วย รู้ว่าสัตว์มีชีวิต (ปาณสัญญิตา)” ซึ่งมุ่งหมายเอาบุคคลอื่น หรือสัตว์อื่น ขาดไป/ แท้จริง แม้จะขาดองค์ข้อนี้ไป ก็ต้องถือว่า “บาป” ไม่อาจจะล่วงเลยความเป็นบาปไปได้ เพราะ

๑. คำว่า “บาป” แบ่งเป็นลักษณะใหญ่ ๆ ๒ อย่าง คือ

– บาปแบบครบองค์กรรมบถ คือ การกระทำนั้น ๆ ครบองค์แห่งกรรมนั้น ๆ เช่นทำปาณาติบาต(ฆ่าสัตว์) ก็ครบองค์ทั้ง ๕ เมื่อครบองค์ ๕, บาปนั้นก็เข้าถึงความเป็น “กรรมบถ” เรียกว่า “ครบองค์แห่งอกุศลกรรมบถ” ผลแห่งกรรมนั้นรุนแรง สามารถนำไปสู่ อบาย ทุคติ วินิบาต ได้ คือกรรมนั้นก่อให้เกิดปฏิสนธิวิญญาณ (อเหตุกอกุศลวิบาก อุเบกขาสันตีรณจิต) ซึ่งทำหน้าที่ปฏิสนธิในอบายภูมิ ๔ อย่างใดอย่างหนึ่ง ในขณะแห่งปฏิสนธิกาล

– บาปแบบไม่ครบองค์กรรมบถ คือไม่ครบองค์แห่งการกระทำบาปนั้น ๆ เช่น ฆ่าสัตว์ ขาดองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งไป ไม่ครบทั้ง ๕ องค์ แล้วแต่จะขาดองค์อย่างใดไป บาปก็เกิดขึ้นได้ มาก-น้อย แล้วแต่องค์ประกอบที่ขาดไป … ผลแห่งการกระทำบาปที่ไม่ครบองค์แห่งกรรมบถนั้น ไม่สามารถส่งผลให้ผู้นั้นไปเกิดในอบายภูมิ ๔ ภูมิใดภูมิหนึ่งได้ แต่ ผลกรรมนั้น มีอยู่ สามารถส่งผลในปวัติกาล คือหลังจากปฏิสนธิไปแล้วได้ หรือเกิดผลในปัจจุบันชาตินี้ได้ เช่น ถูกด่าว่า ติเตียน กล่าวโทษ.จากสังคม เป็นต้น…อีกอย่างหนึ่ง ผลแห่งบาปที่ไม่ครบองค์กรรมบถนั้น สามารถไปสนับสนุน กรรมอื่น ๆ ให้รุนแรงขึ้นได้ (อุปัตถัมภกกรรม)

๒.  อนึ่ง คำว่า “เป็นบาป” นั้น ท่านมุ่งหมายเอาจิตที่เกิดในขณะนั้น ตัวอย่างที่ยกมา “ฆ่าตัวตาย” จิตที่มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ย่อมเป็นจิตที่เป็นอกุศล เป็นจิตที่เศร้าหมองถ่ายเดียวเท่านั้น ไม่เป็นจิตที่เป็นกุศลเลย จิตที่คิดจะฆ่าตัวตาย มีทั้งโทสะ โมหะ อหิริกะ อโนตตัปปะ กุกกุจจะ อุทธัจจะ….. ผสมอยู่ด้วยกัน..ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความทุกข์ระทมใจ ความเครียด ความฟุ้งซ่าน… ล้วนเกิดขึ้นด้วยอำนาจของจิตที่เป็นอกุศลทั้งสิ้น เพียงแค่ความคิดอยู่ในใจที่ประกอบด้วย โทสะ โมหะ… ก็เป็นบาป เป็นอกุศลอยู่แล้ว…. ยิ่งสามารถบังคับกายให้กระทำการฆ่าตัวตายด้วยวิธีต่าง ๆ ได้ ย่อมถือว่ามีความคิดที่เป็นอกุศลเกิดขึ้นอย่างรุนแรงทีเดียว เรียกว่า เป็นวีติกกมะ คือก้าวล่วงออกมาทางกาย … ตรงนี้แหละที่บอกว่า “เป็นบาป เป็นอกุศลเต็มที่” เพราะจิตที่เกิดในขณะนั้นประกอบด้วยอกุศลธรรม (อกุศลเจตสิก)

ไอ้ที่บอกว่า พระโคธิกะ ฆ่าตัวตายแล้ว พอจะตายท่านเจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหันต์นั้น ไม่บาปนั้น ต้องแยกคนละขณะจิตกันครับ …. เพราะ จิตที่คิดฆ่าตัวตาย และกำลังฆ่าตัวตายด้วยการเอามีดโกนมาปาดคอ กับจิตตอนที่ท่านเจริญวิปัสสนานั้น เป็นจิตคนละวิถีกัน ฯ จิตที่คิดฆ่าตัวตาย และเกิดขณะกำลังฆ่าตัวตายนั้นเป็นอกุศลจิตแน่นอน และเป็นบาปด้วย แต่ก่อนจะตาย ท่านกลับได้สติ เพราะท่านได้เคยเจริญวิปัสสนามานานแต่ไม่บรรลุสักที พอพิจารณาสติปัฏฐานมีกายคตาสติเป็นต้น ตลอดจนความบริสุทธิ์แห่งศีลของตน ก็หมดความอาลัยในกาย ปล่อยวาง ในที่สุดก็สามารถทำมรรค ๔- ผลทั้ง ๔ ให้เกิดขึ้น จึงทำให้ท่านได้บรรลุ เป็นพระอรหันต์ / / และด้วยอำนาจของปัญญาในมรรคนั่นเอง เป็นตัวทำลายภพ ชาติ (อกุศลวิบากทั้งปวงที่จะทำให้เกิดปฏิสนธิในภพต่าง ๆ) ให้หมดสิ้นไป…ฯ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสกับมารที่พยายามหาปฏิสนธิวิญญาณของพระโคธิกะนั้น ว่า “ท่านไม่สามารถเห็นปฏิสนธิวิญญาณของพระโคธิกะได้หรอก” เพราะพระโคธิกะไม่มีปฏิสนธิวิญญาณแล้ว ไม่มีภพภูมิแล้ว ฯ

ตถาคต บัญญัติการฆ่า สัตว์ทุกชนิด ว่าเป็น “บาป อกุศล” ก็เพราะการกระทำคือการฆ่านั้น เกิดขึ้นด้วยอำนาจจิตที่เป็นอกุศล, เกิดขึ้นด้วยอำนาจจิตที่เป็นบาป โดยเแท้… เพราะความเป็นบาป เป็นอกุศลนั้น กำหนดได้ด้วยอาการทางจิต ไม่ใช่กำหนดด้วยการกระทำทางกาย หรือทางวาจา การกระทำทางกาย ทางวาจา ที่กำหนดว่าเป็นบาปอกุศลนั้น ก็สืบเนื่องมาจากจิตที่เป็นบาปอกุศลนั่นเอง….

--------------------

VeeZa

[right-side]

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.