ทองย้อย แสงสินชัย

บาลีวันละคำ (454)

ศัพท์ว่า “แม่” ในทางพุทธศาสนา

คำต่อไปนี้ ในภาษาบาลีหมายถึง “แม่”

บางคำเราคุ้น แต่บางคำก็ไม่ได้นำมาใช้ในภาษาไทย

อมฺพา, อมฺมา, (อัม-พา, อัม-มา)

ชนนี, ชนิกา, ชเนตฺตี, (ชะนะนี, ชะนิกา, ชะเนตตี)

โทหฬินี, (โทหะฬินี)

มาตุ, มาตา, มารดา,

สุหทา, (สุหะทา)

โตเสนฺตี, โปเสนฺตี (โต-เสน-ตี, โป-เสน-ตี)

โคตฺตี (โคต-ตี)

อุตุนี   (อุ-ตุ-นี)


– “อมฺพา” แปลว่า “ผู้รักษาบุตรธิดา” “ผู้อันบุตรธิดาเข้าไปหาด้วยความรัก” “ผู้อันบุตรธิดาเข้าไปหา คือเข้ามาคลอเคลีย” “ผู้อันบุตรธิดาบูชา”

– “อมฺมา” แปลว่า “ผู้อันบุตรธิดาเข้าไปหา คือเข้ามาคลอเคลีย” “ผู้อันบุตรธิดาบูชา”

– “ชนนี” “ชนิกา” “ชเนตฺตี” แปลว่า “ผู้ยังบุตรให้เกิด” หรือ “ผู้ให้กำเนิด”

– “โทหฬินี” แปลตามศัพท์ว่า “ผู้มีความปรารถนาสอง” “หญิงผู้มีใจสอง” = คนแพ้ท้อง

– “มาตุ” “มาตา” “มารดา” แปลว่า “ผู้รักบุตรโดยธรรมชาติ” “ผู้ยังบุตรให้ดื่มนม” “ผู้ยอมรับนับถือว่า ผู้นี้เป็นบุตร” “ผู้รักบุตรโดยธรรม”

– “สุหทา” แปลว่า “ผู้มีใจดี”

– “โตเสนฺตี” แปลว่า “ผู้ปลอบโยน”

– “โปเสนฺตี” แปลว่า “ผู้เลี้ยงดู”

– “โคตฺตี” แปลว่า ผู้คุ้มครอง” ผู้คุ้มครองบุตร และคุ้มครองทรัพย์ไว้เพื่อบุตร

– “อุตุนี” แปลว่า หญิงมีระดู (เริ่มต้นของคนจะเป็นแม่)


** นอกจากนี้ยังมีคำเปรียบ ความหมายของคำว่า “แม่” ไปในลักษณะต่าง ๆ อีกมากมาย คือ

ปุพพาจริยา แปลว่า เป็นอาจารย์คนแรก สอนให้บุตรรู้จักสิ่งต่าง ๆ

ปุพพเทวา แปลว่า เป็นประดุจดังเทพ คือ ไม่ถือโทษ หรือเอาเรื่องราวต่อบุตร แม้บุตรจะทำผิดพลาดในตน

พรหม แปลว่า เพราะมีความ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ต่อบุตร

อรหันต์ หมายความว่า มารดาเป็นดุจอรหันต์ คือเป็นผู้ควรที่จะได้รับการบูชา นับถือ ดูแล ให้ข้าวน้ำ… เป็นอันดับแรก ๆ (อรหันต์ แปลว่า “ควร”)


ใน โสณนันทชาดก สัตตตินิบาต ท่านพรรณนาหัวอกคนเป็นแม่ไว้น่าฟัง

ขอถอดความนำมาเสนอพร้อมทั้งต้นฉบับภาษาบาลี เพื่อบูชาพระคุณแม่ –


(๑)

อากงฺขมานา ปุตฺตผลํ เทวตาย นมสฺสติ

นกฺขตฺตานิ จ ปุจฺฉติ อุตุสํวจฺฉรานิ จ ฯ

แม่อยากมีลูกไหนจะปาน

ถึงกับบนบานศาลกล่าว

เฝ้าดูฤกษ์ยาม

ถามวันเดือนปี

(เช่นว่าถ้าลูกเกิดปีนี้จะเป็นเด็กแบบไหน

แล้วเกิดเดือนไหนจะเป็นเด็กแบบนี้)

(๒)

ตสฺสา อุตุสิ นหาตาย โหติ คพฺภสฺสวกฺกโม

เตน โทหฬินี โหติ สุหทา เตน วุจฺจติ ฯ

บำรุงรักษาตัวตามวิธี

จนพอรู้ว่ามีครรภ์ ก็อยากนั่นโน่นนี่

ท่านจึงเรียกแม่ว่า “โทหฬินี” = คนแพ้ท้อง

และเรียกว่า “สุหทา” = คนใจดี-เพราะดีใจ (ที่จะได้ลูก)

(๓)

สํวจฺฉรํ วา อูนํ วา ปริหริตฺวา วิชายติ

เตน สา ชนยนฺตีติ ชเนตฺตี เตน วุจฺจติ ฯ

นับเป็นปี หรือจะน้อยกว่านี้ก็น้องๆ

ที่แม่คอยประคับประคองกว่าจะคลอดเจ้าโฉมงาม

แม่จึงได้นามว่า “ชนยนฺตี” –

และ “ชเนตฺตี” = ผู้ให้กำเนิด

(๔)

ถนกฺขีเรน คีเตน องฺคปาวุรเณน จ

โรทนฺตํ ปุตฺตํ โตเสติ โตเสนฺตี เตน วุจฺจติ ฯ

ด้วยน้ำนม เพลงกล่อม และอ้อมกอด

ลูกร้อง แม่ก็พร่ำพลอดปลอบโยนให้ยิ้มได้

แม่จึงได้นามว่า “โตเสนฺตี” = ผู้ปลอบโยน

(๕)

ตโต วาตาตเป โฆเร มมฺมํ กตฺวา อุทิกฺขติ

ทารกํ อปฺปชานนฺตํ โปเสนฺตี เตน วุจฺจติ ฯ

ยามที่ลมแรงและแดดกล้า

แม่ก็ผวาหาลูกด้วยหัวใจที่ไหวหวั่น

ลูกแม่ยังเล็กไม่เดียงสากระนั้น ดังฤๅจะดูแลตัวเองได้

แม่จึงได้นามว่า “โปเสนฺตี” = ผู้เลี้ยงดู

(๖)

ยญฺจ มาตุ ธนํ โหติ ยญฺจ โหติ ปิตุทฺธนํ

อุภยมฺเปตสฺส โคเปติ อปิ ปุตฺตสฺส เม สิยา ฯ

ทรัพย์ใดของพ่อแม่

ก็เฝ้าแต่ดูแลรักษา

คิดถึงวันข้างหน้า –

“..เก็บไว้ให้ลูกแม่ ..”

(๗)

เอวํ ปุตฺต อทุ ปุตฺต อิติ มาตา วิหญฺญติ

ครั้นถึงวัยเรียน แม่ก็เวียนแต่ทุกข์

“เรียนนี่ไหมลูก, นั่นล่ะลูกเรียนไหม”

ลำบากอย่างไร –

แม่ก็ยอม

(๘)

ปมตฺตํ ปรทาเรสุ นิสฺสิเว ปตฺตโยพฺพเน

สายํ ปุตฺตํ อนายนฺตํ อิติ มาตา วิหญฺญตีติ ฯ

ครั้นถึงวัยหนุ่มสาว

แม่ก็เกรงลูกจะอื้อฉาวในเชิงชู้

เย็นย่ำค่ำคืนก็เฝ้าแต่คอยดูว่าป่านฉะนี้ไฉนยังไม่กลับ –

ดวงแดแม่จะพลอยดับไปด้วย ฉะนี้แล.

: บูชาพระคุณแม่ ตามประสายาก – นะแม่นะ


=============


ขอขอบพระคุณ อ.ทองย้อย แสงสินชัย ป.ธ.๙

[right-side]

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.