ศึกษาเรื่องเดิม - กฐินสามัคคี
----------------------------
“กฐิน” ภาษาไทยอ่านว่า กะ-ถิน บาลีอ่านว่า กะ-ถิ-นะ
คำว่า “กฐิน” ถ้าเป็นคำนาม แปลว่า “ไม้สะดึง” คือไม้แบบสำหรับขึงเพื่อตัดเย็บจีวร (a wooden frame used in sewing the robes) ถ้าเป็นคุณศัพท์ มีความหมายว่า แข็ง, แนบแน่น, ไม่คลอนแคลน, หนัก, หยาบกร้าน, โหดร้าย (hard, firm, stiff, harsh, cruel)
ในที่นี้ “กฐิน” หมายถึงผ้าที่มีผู้ถวายแก่ภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาครบสามเดือนแล้วเพื่อผลัดเปลี่ยนจีวรชุดเดิม มีพระพุทธานุญาตให้สงฆ์ยกผ้านั้นให้แก่ภิกษุรูปหนึ่งที่จำพรรษาอยู่ด้วยกันเพื่อทำเป็นจีวร สบง หรือสังฆาฏิ ผืนใดผืนหนึ่ง โดยภิกษุทั้งหมดที่จำพรรษาร่วมกันนั้นต้องช่วยกันทำเพื่อแสดงถึงความสามัคคี
คำว่า “กฐินสามัคคี” ในที่นี้ หมายถึงรูปแบบของกฐินที่ชาวบ้านนำกฐินไปทอด
คำนี้ไม่มีปัญหาในการเขียนและอ่าน แต่มีปัญหาในการทำความเข้าใจ
...................
กฐินสามัคคีมีมูลเหตุมาจากกรณีต่อไปนี้ คือ -
๑ มีผู้ต้องการจะทอดกฐินที่วัดเดียวกันหลายราย
๒ แต่ละรายสามารถทอดได้ตามลำพัง ไม่จำเป็นต้องร่วมกับใคร หรือไปหาใครมาร่วม
๓ ปกติ ใครมาจองก่อน ก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าภาพแต่เพียงรายเดียว แต่กรณีนี้คือมาจองพร้อมกันหลายราย แต่ละรายจึงมีสิทธิ์ที่จะได้เป็นเจ้าภาพเท่ากัน และไม่มีรายไหนยอมถอย
๔ แต่กฎกติกาของกฐินมีอยู่ว่า “เจ้าภาพทอดกฐินต้องมีรายเดียว เมื่อรายหนึ่งทอดแล้ว รายอื่นๆ จะทอดอีกไม่ได้”
๕ ทางออกคือทำอย่างไร? จับฉลาก? หรือประมูลกันว่าใครจะถวายบริวารกฐิน (เช่นเงินบำรุงวัด) มากกว่ากัน? หรือต่อยกันให้รู้แล้วรู้รอด ใครชนะได้เป็นเจ้าภาพ ฯลฯ
๖ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ในที่สุดก็ได้ทอดกฐินเพียงรายเดียว รายอื่นๆ อด
๗ จึงเป็นที่มาของ “กฐินสามัคคี” คือทุกรายพร้อมใจกันรวมตัวให้เป็นรายเดียว แล้วเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ก็จะได้ทอดกฐินด้วยกันหมดทุกราย
นี่คือความหมายที่ถูกต้องของคำว่า “กฐินสามัคคี”
...................
“กฐินสามัคคี” จึงไม่ได้หมายความว่า มีใครจองวัดขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน แล้วก็ไปเที่ยวชักชวนญาติสนิทมิตรสหายแบ่งสายกันบอกบุญร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ดังที่นิยมทำกันอยู่ แล้วก็เรียกกันว่า "กฐินสามัคคี"
คนทั่วไปมักเข้าใจคำว่า “กฐินสามัคคี” ตามความหมายนี้
“กฐินสามัคคี” ตามความหมายเดิมอันเป็นความหมายที่ถูกต้อง คือ หลายรายแย่งกันเป็นเจ้าภาพ แล้วปรองดองรวมกันเป็นเจ้าภาพเดียว
“กฐินสามัคคี” ตามความหมายใหม่ เจ้าภาพรายเดียว ไม่ได้แย่งกับใคร แต่สามัคคีกันภายในคณะของตัวนั่นเอง
“กฐินสามัคคี” ตามความหมายนี้กำลังกลายเป็นความหมายที่ถูกต้องอีกความหมายหนึ่ง ก็เพราะไม่ศึกษาเรื่องเดิม
...................
อีกกรณีหนึ่ง ทอดกฐินวัดเดียว แต่มีเจ้าภาพหลายคณะนั่งกันเต็มศาลา แต่ละคณะต่างก็มีเครื่องกฐินของตนพร้อมเสร็จ พอถึงเวลาทอดก็ทยอยกันเข้าไปถวายทีละคณะ ดังที่หลายๆ วัดนิยมทำกัน แล้วอ้างว่าเป็น “กฐินสามัคคี”
“กฐินสามัคคี” แบบนี้โปรดทราบว่า ผิดกฎกติกาของการทอดกฐิน ผิดหลักเกณฑ์ที่กำหนดว่า วัดหนึ่งทอดกฐินได้คณะเดียว คือมีเจ้าภาพรายเดียว
กฐินสามัคคีก็คือมีเจ้าภาพหลายรายนั่นแหละ แต่ต้องรวมกันเป็นรายเดียวก่อนจะเข้าไปทอด
การที่ยังแยกกันเป็นคณะๆ แบบนั้นอันที่จริงจะต้องเรียกว่า “กฐินไม่สามัคคี” เพราะถ้าสามัคคีกันจริงจะต้องรวมกันเป็นคณะเดียวตามกฎของกฐิน
...................
สรุปว่า
(๑) บุญกฐินไม่เหมือนบุญอื่น เมื่อคนหนึ่งทำแล้ว คนอื่นจะมาทำซ้ำที่กันอีกไม่ได้ จึงต้องจองก่อน เป็นการบอกกล่าวให้รู้ว่า ใครจะมาทอดซ้ำอีกไม่ได้
(๒) แต่ถ้าเกิดมีคนอยากจะทอดวัดเดียวกันรายหลาย วิธีที่จะทำให้ทอดได้หมดทุกรายก็คือ ทุกรายต้องรวมตัวกันเป็นรายเดียวก่อน เมื่อรวมกันเป็นรายเดียวแล้วทอด ก็เท่ากับได้ทอดหมดทุกรายนั่นเอง
.........................................................
รวมหลายๆ รายเข้าเป็นรายเดียว
รวมหลายๆ คณะเข้าเป็นคณะเดียว
แล้วทุกรายทุกคณะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
มีผ้ากฐินผืนเดียวกันเข้าไปทอดพร้อมกันทีเดียว
ไม่มีการแบ่งแยกคณะใดๆ ทั้งสิ้น
นี่คือความหมายที่ถูกต้องของคำว่า “กฐินสามัคคี”
.........................................................
: ศึกษาเรื่องเดิมให้เข้าใจเจนจิต
: ป้องกันไม่ให้ผิดกลายเป็นถูก
.........................................................
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
๑๖:๓๖
[full-post]
แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลความคิดเห็นของท่าน จะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ฯ